svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ไตรรงค์" ไขก๊อกลาออก ปชป. ลั่นขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง

27 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ดร.สามสี "ไตรรงค์ สุวรรณคีรี" ไขก๊อกยื่นหนังสือโบกมือลา ปชป. หลังอยู่ในสังกัดมากว่า 38 ปี โพสต์แจงร่ายยาว ขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง

 

27 ตุลาคม 2565 นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และอดีต ส.ส. หลายสมัย ได้ให้เลขานุการส่วนตัว ยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ เพื่อขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ต่อเจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่สำนักงานใหญ่พรรค ถนนเศรษฐศิริ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า นายไตรรงค์ จะย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า “ข้าพเจ้ามีความประสงค์ขอลาออก จากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการต่อไป”

 

หนังสือลาออกของนายไตรรงค์
 

 

ภายหลังนายไตรรงค์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ระบุว่า 

 

#ผมขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง #ใส่เสื้อฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย #36ปีกับพรรคประชาธิปัตย์
.
เมื่อ 15:00 น. ของวันนี้ (27  ตุลาคม 2565) ผมได้ให้เลขาส่วนตัวไป #ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์แล้วครับ
.
ผมลาออก #ทั้งๆที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ผมไม่ได้รักที่ตัวตึก หรือตัวบุคคล ผมไม่เคยยึดมั่นในสิ่งลวงตาเหล่านั้นที่ผมรักก็คือ “อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์” ที่ได้ประกาศไว้ในวันก่อตั้งพรรคเมื่อปี พ.ศ.2489 จึงได้เข้าเป็นสมาชิกมาตลอดเวลา 38

 

โพสต์ของนายไตรรงค์ แจงปมออกจาก ปชป.

 

อย่างไรก็ดี ผมก็ยังเชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไปตามเหตุและปัจจัย อุดมการณ์ ปี 2489 ทั้ง 10 ข้อ จึงต้องมีการปรับปรุงให้เข้ากับยุค ให้เข้ากับบริบทใหม่ ๆ ของประเทศและของโลก

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เพื่อล้อมกรอบมิให้ผู้บริหารหรือสมาชิก แสดงท่าทีที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ในอุดมการณ์ เช่น ต้องไม่มีใครมีท่าทีทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า พรรคฯ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับทหารของชาติเพราะทหารในปัจจุบัน แตกต่างไม่เหมือนกับทหารสมัยก่อนแล้ว

 

ส่วนศัตรูของอุดมการณ์ ต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่า ไม่ใช่เฉพาะเผด็จการทหาร แต่หมายรวมถึงเผด็จการรัฐสภาด้วย และในนโยบายต่างประเทศ ต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่า เราจะเป็นมิตรกับทุกประเทศ แม้ว่าระบอบการเมืองการปกครอง จะแตกต่างจากของของเราที่กำลังใช้อยู่ เป็นต้น แต่ต้องทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้อธิปไตยของชาติ ต้องถูกครอบงำโดยประเทศอื่นอย่างเด็ดขาด

 

ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมได้พูดให้สมาชิก และผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ฟังโดยละเอียดแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่โรงแรม Kantary Hill จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่า พรรคฯ ก็ได้พยายามปรับปรุงจุดยืน และท่าทีคล้าย ๆ อย่างที่ผมเคยแนะนำไว้อยู่บ้าง คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์
.

 

"ไตรรงค์" ไขก๊อกลาออก ปชป. ลั่นขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง

 

แต่ก็ยังมีพรรคการเมืองอื่น ๆ อีกหลายพรรคที่มีจุดยืน ด้านอุดมการณ์ที่ตรงกับใจของผม ที่ผมอยากสนับสนุน โดยเฉพาะมีอยู่หลายพรรค ที่เกิดใหม่จากคนที่ต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกใครได้ (เพราะเกรงใจกัน) แต่เมื่อไปตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา ก็ได้มีการประกาศจุดยืนแห่งอุดมการณ์ พร้อมมีนโยบายปฏิรูปหลายประการ เหล่านี้ทำให้ผมเห็นด้วยและอยากสนับสนุน
.

ผมจึง #อยากขอโอกาสมีลมหายใจเป็นของตนเองสักครั้งหนึ่งในบั้นปลายชีวิตทางการเมืองของผม เพื่อจะได้สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ ๆ (ที่ใหม่กว่าพรรคประชาธิปัตย์) การแสดงออกจะได้สามารถทำได้อย่างเปิดเผย จะได้ไม่รู้สึกว่าผมแอบเป็นกบฏลับ ๆ ต่อพรรคประชาธิปัตย์ เพราะผมยังรักและสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ แต่ก็จะสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น ๆ ทุกพรรค ที่ผมเห็นด้วยกับอุดมการณ์และนโยบาย จะยินดีให้ความช่วยเหลือตามที่ถูกร้อง ขอโดยไม่หวังผลอะไร เป็นการตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะว่าแก่แล้ว
.
#หมายเหตุ จนถึงปัจจุบันนี้ได้มีพรรคการเมืองใหม่ ๆ มาขอคำปรึกษาไปแล้วถึง 5 พรรคครับ
.
ส่วนการสนับสนุนช่วยเหลือหลาย ๆ พรรคควรจะทำอย่างไรนั้น มันเป็นศิลปะที่ผมเรียนรู้มา และจะลองนำมาปฏิบัติดูในรูปแบบที่ว่า #ต้องรวมมิตรและแยกศัตรู ในเชิงอุดมการณ์ให้ชัดเจน ถ้าได้ผลก็ดี ถ้าไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร เพราะผมยึดถือคำว่า #สันโดษ ตามภาษาพระที่สันโดษแปลว่า ได้ก็ดีไม่ได้ก็ได้ (ไม่ใช่ตามภาษาคนที่หมายถึงการอยู่คนเดียว) และผมเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจึงไม่คิดว่า ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียหาย เพราะพรรคฯ เขามีบุคลากรมากอยู่แล้ว ส่วนมากก็มีความสามารถตามความเห็นของผู้บริหาร และผมก็ไม่เคยจะทำร้ายพรรคฯ หรือพูดจาใด ๆ ให้พรรคฯ ต้องเสียหาย และเสียน้ำใจกัน
.
อย่างไรก็ดี ผมก็ยังคงต่อต้านและปฏิเสธ ทั้งพรรคการเมืองและนักการเมือง ที่ใช้โวหารแบบปลิ้นปล้อน โกหกตอแหล ใส่ความ หลอกลวง หน้าอย่างหลังอย่าง เป็นพวกเล่นการเมือง เพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ ที่ควรจะเป็นผลประโยชน์สูงสุด เพราะผมเห็นว่า คนเช่นนี้ลงมาเล่นการเมือง เพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก โดยการอ้างชาติและประชาธิปไตย เพื่อเป็นการบังหน้าและให้ประชาชนหลงผิดในสาระสำคัญเท่านั้น
.
โดยเนื้อแท้แล้ว คนเช่นนี้เป็นพวกที่พร้อมจะขายชาติ เพื่อแลกเงินพร้อมจะทำลาย และบิดเบือนคำสอนอันเป็นหัวใจ ของศาสนาต่าง ๆ เพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียง จากคนที่โง่ ๆ ตลอดจนเป็นพวกที่พร้อมจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง) เพื่อเปลี่ยนระบบการเมืองการปกครองของประเทศ ให้เป็นระบอบสาธารณรัฐ ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งเป็นระบบที่แสนจะไม่เหมาะกับบริบทและประวัติศาสตร์ของชาติไทย หากแต่จะนำมาซึ่งความแตกแยกที่รุนแรง ศีลธรรมจะตกต่ำการไร้ยางอายในการทำชั่วจะมีมากขึ้น เหมือนอย่างหลายประเทศ ทั้งในเอเชียและในละตินอเมริกา
.
เพราะผมเห็นว่า #อธิปไตยและเอกราชของชาติ อาจจะเกิดความเสียหายได้ ถ้าประเทศต้องตกอยู่ภายใต้การปกครอง ของนักการเมืองที่มีคุณสมบัติเลว ๆ ดังกล่าวข้างต้น ก็โดยที่นักการเมืองอย่างนั้น จะเป็นคนที่เห็นแก่ลาภ (เงิน) ยศ และสรรเสริญของตนเองและพรรคพวก มากกว่าเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะได้เห็นตัวอย่างมาแล้วว่า ครั้งหนึ่งพวกเขาได้เคยแอบทำการตกลงลับ ๆ ที่จะอนุญาตให้มหาอำนาจบางประเทศ มาตั้งฐานทัพในประเทศ เพื่อจะได้สะสมอาวุธไว้ข่มขู่บางประเทศที่พวกเขาแย่งชิงความยิ่งใหญ่ ในการเป็นเจ้าโลกกันอยู่ในปัจจุบันนี้
.
โชคดีที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีคณะองคมนตรี และมีสถาบันกองทัพทั้ง 3 เหล่า เป็นเกราะกำบังให้ ประเทศของเราจึงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนประเทศยูเครน อย่างที่เราเห็น ๆ กันอยู่ในปัจจุบัน
.
ปล. ผู้ที่แอบทำความตกลงลับ ๆ (MOU) ดังกล่าวบางคน ได้เสียชีวิตไปแล้ว ขอให้ทุกคนจงอโหสิเพราะไม่มี “ทาน” ใด ๆ จะได้บุญเท่ากับ “อภัยทาน” …ผมไม่ได้พูดแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราได้ตรัสไว้เช่นนั้นครับ
.
#หมายเหตุ ผมยังคงเป็นมิตรที่ดี ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เฉพาะที่เป็นคนดีอยู่เหมือนเดิมทุกประการ โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ แต่ขอให้ทุกคนโปรดทราบ เจตนาบริสุทธิ์ของผมว่า การลาออกในครั้งนี้ ก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ในการประสานกับพรรคการเมืองอื่น ๆ จะได้มีพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการเคลื่อนไหวแบบเงียบ ๆ เพื่อจะได้ตะล่อมให้บ้านเมือง เดินหน้าไปในทิศทางที่ผมเห็นว่า น่าจะปลอดภัยที่สุด โดยที่ผมไม่หวังอะไรเป็นการตอบแทนโดยส่วนตัวเลย ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใด ๆ ซึ่งผมเคยแจ้งความในใจส่วนนี้ ให้คุณจุรินทร์ หัวหน้าพรรค และคุณนิพนธ์ รองหัวหน้าพรรค ทราบแล้ว เมื่อตอนที่ท่านทั้งสองมาเยี่ยมผมที่บ้านพัก หลังการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสงขลาและชุมพรครับ

 

"ไตรรงค์" ไขก๊อกลาออก ปชป. ลั่นขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง

logoline