"อนุทิน"ย้ำภท.ไม่คิดเป็นคู่ขัดแย้งใครเมิน"อาเหลิม"เย้ยไปนั่งฝ่ายค้าน

11 ตุลาคม 2565 "นายอนุทิน ชาญวีรกุล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุ ว่าให้ไปหาที่นั่งผู้นำฝ่ายค้านรอ เพราะพรรคเพื่อไทยจะแลนสไลด์ ว่า ที่ตรงนั้นดีนะ ได้ตั้งกรรมการอิสระ 

ส่วนการที่ออกมาพูดในช่วงนี้มองเป็นเกมการเมืองหรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า อีกไม่เกิน 6 เดือนก็รู้แล้ว ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาพูดเย้ยใส่พรรคภูมิใจไทย "ก็ผมบอกแล้วไงว่าอาเหลิม" ส่วนประเด็นที่มีการท้าพรรคภูมิใจไทยเปิดเวทีปราศรัยแข่งกันที่จ.ศรีสะเกษ นั้น ต่างคนก็ต่างมี ส.ส.ในพื้นที่อยู่แล้ว ขออย่าพูดถึงเรื่องความขัดแย้ง

"เพราะการเมืองต้องอยู่กับร่องกับรอย และสิ่งแรกที่ควรจะทำก่อนเข้ามาบริหารบ้านเมือง คือ การทำให้ความขัดแย้งและการแบ่งปักแบ่งฝ่ายหมดไป หากพูดว่าจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยแต่ยังมานั่งแบ่งปักแบ่งฝ่าย ก็เหมือนกับการพูดอย่าง ทำอย่าง แบบนี้ไม่ได้ เพราะวันนี้สิ่งที่ประชาชนต้องการคือความสงบสุขของสังคม" นายอนุทิน กล่าว  

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยพุ่งเป้ามาที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพิเศษ นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า "แสดงว่าอะไรละ แต่เราไม่เอาสิ" ใครก็ตามที่พยายามจะมาทะเลาะเบาะแว้งกับพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยอยู่กับร่องกับรอยเสมอ ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร พรรคทำงานให้กับประชาชน และไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้  

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา แม้กระทั่งคนที่เป็นชนวนของความขัดแย้ง ต่อให้ได้รับความชนะ แต่ถามว่ายั่งยืนหรือไม่ อยู่ได้หรือไม่ ความขัดแย้งหายไปหรือไม่ เพราะนอกจากไม่หายแล้ว ยังทวีความรุนแรงขึ้นอีก พรรคภูมิใจไทยก็ต้องบอกว่าพอแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ทะเลาะ ไม่ทำอะไร ทั้งนั้น เพราะนโยบายของพรรคภูมิใจไทยคือไม่ทะเลาะกับใคร ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แม้จะเป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่แบบมืออาชีพ ถ้าเป็นรัฐบาลก็ทำงานให้ดีที่สุด

"ไม่ใช่เอาความเกลียดชังหรือความแตกต่างทางความคิดไปหาเรื่อง หรือเพิ่มบทบาทให้กับตัวเองก่อนนะว่า ประชาชนเบื่อมากแล้วที่เห็นคนที่อาสามาทำงานให้กับประเทศมัวแต่นั่ง ท้าตีท้าต่อยกันซึ่งไม่เกิดอะไร เพราะฉะนั้นจะไม่ได้ยินคำพวกนี้จากพรรคภูมิใจไทยเด็ดขาด" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุ

ส่วนเลือกตั้งรอบหน้า จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลหรือไม่นั้น อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ แต่บทบาทของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมานั่งตีกัน หรือต่อสู้กัน แต่บทบาทในรัฐสภาและการเมือง ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ถึงวันที่รู้ผลการเลือกตั้งถึงจะตัดสินได้ว่าใครจะได้เข้าไปอยู่ที่ไหน 

สำหรับกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เตรียมย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตอนนี้พรรคภูมิใจไทยมีอยู่เท่านี้ สภายังไม่เปิดสมัยประชุม จึงยังไม่รู้ว่าใครจะมา หรือจะไป ยังคงทำหน้าที่ของพรรคเหมือนเดิม ปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด