svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

‘นริศร ทองธิราช’ อดีตส.ส.พท. คุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา เสียบบัตรแทนกัน

ศาลฎีกานักการเมือง จำคุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา 'นริศร ทองธิราช' อดีตส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย คดีเสียบบัตรแทนกัน ปี56 ชี้พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าเคยทำผิดมาก่อน แต่ไม่มีเหตุรอการลงโทษแก่จำเลยได้

22 กันยายน 2565 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.36/2562ที่ อัยการสูงสุด โจทก์ ยื่นฟ้อง นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสียบบัตรเเทนกัน

จากกรณี อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พรป.ปปช.123/1 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นั้น

‘นริศร ทองธิราช’ อดีตส.ส.พท. คุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา เสียบบัตรแทนกัน

โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 เวลากลางวัน มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวาระที่สอง เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพิ่มเติม เวลา 17.33 น. จําเลยนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบัตรจริงของจำเลยและของสมาชิกรัฐสภารายอื่นหลายใบเสียบเข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนนและกดปุ่มเพื่อแสดงตนและลงมติ ต่อมาวันที่ 11 กันยายน 2565 เวลา 16.43 น. จำเลยนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบัตรจริงของจำเลยและของสมาชิกรัฐสภารายอื่นจำนวนหลายใบเสียบเข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนนและกดปุ่มเพื่อแสดงตนและลงคะแนน

ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นับโทษจำเลยต่อจากโทษ จําคุกในคดีอาญาหมายเลข ที่ อม.8/2565 ของศาลนี้ จําเลยให้การปฏิเสธ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจยื่นฟ้องหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 15-18/2556 ไม่มีประเด็นเรื่องความรับผิดทางอาญา การที่บุคคลใดจะต้องรับโทษอย่างไรหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเป็นคดีอาญาต่อไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่อมมี อำนาจหน้าที่ไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มิได้ชี้มูลความผิดไปโดยอาศัยเหตุที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังที่จำเลยต่อสู้

แม้รัฐธรรมนูญบัญญัติให้รัฐสภามีอำนาจ หน้าที่ในการเสนอญัตติและพิจารณาญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่ในส่วนการกระทำของสมาชิก รัฐสภาในฐานะเจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติใดที่อาจมีความรับผิดทางอาญาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีโดยศาล คณะกรรมการ ป.ป.ช. มิได้เร่งรีบรวบรัดโดยมุ่งจะเอาผิดดังที่จําเลยอ้าง บันทึกแจ้งข้อกล่าวหาระบุวันเดือนปีที่เกิดเหตุโดยละเอียดแล้ว จำเลยมิได้แถลงต่อศาลว่าไม่เข้าใจคําฟ้องและฟ้องของโจทก์บรรยายชอบแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง

‘นริศร ทองธิราช’ อดีตส.ส.พท. คุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา เสียบบัตรแทนกัน

ปัญหาข้อต่อไปว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จำเลยเบิกความรับว่าบุคคลที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์คือจําเลย อันเจือสมกับคำเบิกความของนางสาว ร. ศาลส่งคลิปวีดิทัศน์ไปตรวจพิสูจน์แล้วไม่พบร่องรอยการตัดต่อ ฟังได้ว่า จำเลยนำบัตรหลายใบเสียบเข้าไปในเครื่องลงคะแนนตามที่ปรากฏภาพใน คลิปวีดิทัศน์ทั้ง 3 คลิปจริง


ปัญหาต่อไปว่า การที่จำเลยนำบัตรหลายใบใส่เข้าไปในเครื่องลงคะแนนตามที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เป็นการลงคะแนนแทนสมาชิกรายอื่นหรือไม่ พยานโจทก์หลายปากเบิกความว่า บัตรในคลิปวีดิทัศน์เป็นบัตรจริง และมีจำนวนมากกว่า 1 ใบ เหตุที่ทราบว่าเป็นบัตรจริงเนื่องจากเป็นบัตรที่มีรูป การกระทำของจำเลยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนอันส่งผลให้ปรากฏผลการลงคะแนนหลายครั้งสำหรับบัตรแต่ละใบได้
จึงฟังว่าจำเลยลงคะแนนแทนสมาชิกรายอื่น เมื่อไม่มีการออกบัตรใหม่แทนบัตรใบเดิมจึงไม่อยู่ในวิสัยที่จําเลยจะมีบัตรจริงหลายใบดังที่อ้าง บัตรเดิมไม่สามารถลงคะแนนได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จำเลยจะต้องนําบัตรที่ถูกยกเลิกแล้วมาใช้บัตรจริงและบัตรสำรองจะแสดงผลการลงคะแนนเพียงครั้งเดียวจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะต้องใส่ทั้งบัตรจริงและบัตรสำรองลงในเครื่องอ่านบัตรภาพตามคลิปวีดิทัศน์ปรากฏว่ามีสัญญาณไฟกะพริบทุกครั้งที่ใช้บัตรแต่ละใบ แสดงว่าเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ลงคะแนนทั้งสิ้น พยานหลักฐานฟังได้ว่า จำเลยลงคะแนนแทนสมาชิกรายอื่นจริง
ปัญหาต่อไปว่า การกระทำของจำเลยตามที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เป็นเหตุการณ์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าเสียงที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์ตรงกับข้อความรายงานการประชุมรัฐสภาซึ่งได้บันทึกถ้อยคำของ ผู้เข้าร่วมประชุมไว้แบบแทบทุกถ้อยคำย่อมนำมาเปรียบเทียบกับเสียงที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์ได้

ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยตามที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เป็นเหตุการณ์ตามฟ้อง แม้ต่อมาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีประกาศให้รัฐธรรมนูญ 2550 สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2 แต่ก็หาได้มีผลเป็นการลบล้างว่าไม่มีการกระทำของจำเลยอันมิ ชอบด้วยกฎหมายเกิดขึ้น หรือมีผลกลับกลายเป็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด การกระทําของจำเลยตามฟ้องเป็นการกระทำต่างวันเวลากัน ความผิดในแต่ละคราวอาศัยเจตนาในการกระทําความผิดแยกต่างหากจากกันได้ จึงเป็นความผิด 2 กรรม พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542มาตรา 123/1 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุก กรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากให้ ลงโทษจําคุกกระทงละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 16 เดือน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดใด ๆ มา ก่อนก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษแก่จําเลยได้ ส่วนที่โจทก์มีค่าขอให้นับโทษจําเลยต่อจากโทษของ จําเลยในคดีหมายเลขดำที่ อม.5/2565ของศาลนี้ นั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังมิได้มีคำพิพากษา คำขอให้ยก
...

‘นริศร ทองธิราช’ อดีตส.ส.พท. คุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา เสียบบัตรแทนกัน ‘นริศร ทองธิราช’ อดีตส.ส.พท. คุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา เสียบบัตรแทนกัน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ที่ศาลฎีกา (สนามหลวง) ฝ่ายพนักงานอัยการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กรณีเสียบบัตรแทนกันในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. โดยมิชอบ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123

รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่า คดีนี้ในส่วนของถอดถอนสิ้นสุดลงไปแล้ว ได้ส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการหมดแล้ว ส่วนคดีดังกล่าวเป็นเพียงสำนวนเดียวในคดีอาญาจากอีกหลายสำนวนที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช. และมี 2 สำนวนที่ถูกส่งให้กับ อสส. แล้ว แต่มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการและ ป.ป.ช. ได้แก่ คดีกล่าวหานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กรณีไม่ตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญว่าสมาชิกดำเนินการถูกระเบียบหรือไม่ และนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กรณีสลับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปลายปี 2559 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา และถอดถอนนายนริศร นายสมศักดิ์ และนายอุดมเดช โดยกรณีนายนริศร พบพฤติการณ์ปรากฏจากคลิปวีดีโอว่า นายนริศร มีการเสียบบัตรแสดงตนในเครื่องคนอื่น และดึงออกมาเสียบใหม่ โดยเป็นการโหวตในมาตรา 9 และมาตรา 10 ของการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทั้งที่สมาชิกรัฐสภามีเสียงเดียว เสียบบัตรแทนกันไม่ได้ ดังนั้นการกระทำของนายนริศร จึงเข้าข่ายมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123 และ 123/1 รวมถึงจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหน้าที่นั้น ๆ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งเช่นที่ว่า แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทำให้การลงคะแนนเสียงถูกบิดเบือน

ส่วนนายอุดมเดช มีความผิดฐานสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญ ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 โดยจะส่งสำนวนและความเห็นแก่อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงส่งสำนวนและความเห็นให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาถอดถอนต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังตรวจสอบพบพฤติการณ์ของนายสมศักดิ์ ในฐานะประธานรัฐสภา ที่ไม่ตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวก่อนจะนำเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งที่มีหน้าที่พิจารณาเอกสารให้ครบถ้วน และยิ่งการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ต้องตรวจดูว่าร่างดังกล่าวสมาชิกรัฐสภาลงนามครบหรือไม่ มีการทำถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ อีกทั้งภายหลังรับหลักการแล้ว ไม่ชัดเจนในคำสั่งการแปรญัตติ มีการสรุปวันแปรญัตติภายใน 15 วัน ซึ่งตามปกติควรนับตั้งแต่วันที่มีการโหวต แต่นายสมศักดิ์นับเวลาตั้งแต่วันที่รับหลักการ ส่งผลให้เหลือเวลาแปรญัตติแค่ 1 วัน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยแล้วว่า กระทำไปโดยมิชอบ ดังนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงชี้มูลความผิดทางอาญาแก่นายสมศักดิ์ด้วย ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1

ทั้งนี้ นายอุดมเดช นายนริศร และนายสมศักดิ์ เคยถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอนจากตำแหน่งไปแล้ว

พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดใด ๆ มาก่อน ก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษได้