ปมการเมืองที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าอยู่ขณะนี้คงหนีไม่พ้นกรณีวาระการดำรงตำแหน่ง"นายกรัฐมนตรี8ปี"ของ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ที่กลุ่มคนบางฝ่ายอ้างว่าสิ้นสุดในวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งคำร้องของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว
กระทั่งวันที่ 30ก.ย.65 ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยว่า วาระดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 60
อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปในอดีต คดีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ไม่ได้เป็นคดีแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ ถูกร้องให้วินิจฉัยเกี่ยวกับตัวเอง แต่สุดท้ายได้ผ่านสมรภูมิคำวินิจฉัยรอดมาได้ทุกคดี
เริ่มตั้งแต่ ครั้งที่ 1 เมื่อ 27 สิงหาคม 2562 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติเอกฉันท์ให้ส่งเรื่องพร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 46 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 เพื่อให้วินิจฉัยว่าการที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ตามที่นายภานุพงศ์ ชูรักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ยื่นคำร้องหรือไม่
จากนั้น 11 กันยายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ครั้งที่ 2 เมื่อ 28 มิถุนายน 2562 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันเข้าชื่อ 101 คน ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าเข้าข่ายเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่ง
จากนั้น 18 กันยายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ถือว่าเป็น“เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ”
ครั้งที่ 3 เมื่อ วันที่ 9 มีนาคม 2563 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา82ว่าความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ กรณีอาศัยบ้านพักหลวง
จากนั้น 2 ธันวาคม 2563 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีเหตุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้มีสิทธิที่จะพักอาศัยในบ้านพักรับรอง เนื่องจากเคยเป็นอดีตผู้นำสูงสุดของกองทัพบกมาก่อน และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ดังนั้น ความเป็นนายกฯ จึงไม่สิ้นสุดลง พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกฯ จากกรณีพักอาศัยในบ้านพักข้าราชการทหารแม้เกษียณอายุไป 6 ปี
ครั้งที่ 4 วันที่ 8 เมษายน 2564 ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้ายื่นคำร้องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ ม.170 (5) ประกอบมาตรา 184 (2) และมาตรา 186 หรือไม่ สืบเนื่องจากภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา โดยคำร้องดังกล่าวมีการเข้าชื่อกันของ ส.ส.จำนวน 75 คน
จากการออกคำสั่ง ม.44 ในเดือนเมษายนปี 2562 เพื่อขยายสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้เอกชนออกไปอีก 40 ปี ทั้งที่ในขณะนั้นระยะเวลาของสัมปทานยังคงเหลืออีก 10 ปี อีกทั้งยังมีการประกาศใช้กฎหมายร่วมทุนในเดือนมีนาคม 2562 แต่กลับไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้เกิดการผูกขาดโครงการและไม่ได้มีการแข่งขันของเอกชนนั้น
1 กรกฎาคม 2564 การยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นอยู่ในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏว่าในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 แต่ผู้ถูกร้องได้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามบทเฉพาะกาลมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญไปแล้วนับ แต่วันที่คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญเข้ารับหน้าที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา 82 ได้
ครั้งที่ 5 วันที่ 17 ส.ค. 2565 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ยื่นหนังสือต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สาระสำคัญในหนังสือ ประกอบไปด้วย ข้อ1.การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 2.รัฐธรรมนูญมาตรา170 วรรคสอง มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปี โดยให้นับระยะเวลาต่อเนื่องและมิได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้เท่านั้น 3.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2561 และ 7/2562 กรณีมาตรา 264 ให้รัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ต้องอยู่ในบังคับของรัฐธรรมนูญ 2560 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-5/2550 และ 24/2564 เรื่องการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังสามารถทำได้หากมิใช่โทษทางอาญา ข้อ 4.เจตนารมณ์ของการจำกัดระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่
ขณะที่ วันที่ 22 ส.ค. 2565 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำส่งคำร้องไปส่งที่ศาลรัฐธรรมนูญ
30 ก.ย. 65 ตุลาการศาลรัฐธรรมอ่านคำวินิจฉัย วาระดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ. ประยุทธ์ ครบ 8 ปี โดยเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 60
กล่าวโดยสรุป ทุกคำร้องของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีไปถึงศาลรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งจนมาถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านด่านหินศาลรธน. "รอดทุกคดี"