
11 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศหลังตลาดปิดทําการเมื่อวันศุกร์ (10 ตุลาคม 2568) ว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนําเข้าเพิ่มเติม 100% สําหรับสินค้านําเข้าจากจีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ เพื่อตอบโต้สิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "จุดยืนที่ก้าวร้าวอย่างยิ่งของจีนในเรื่องการค้า"
โดยในแถลงการณ์ที่โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดีย "ทรูธ โซเชียล" ( Truth Social) ทรัมป์ ระบุถึงจีนว่า พวกเขากำลังแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรง และส่งจดหมายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกว่า ต้องการกำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับแร่ธาตุหายาก กับแทบทุกผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาคิดได้ แม้ว่าจะไม่ได้ผลิตในจีนก็ตาม
สำหรับ "แร่ธาตุหายาก" ที่กลายเป็นชนวนสงครามการค้ารอบใหม่นั้น พบว่า 70% มาจากจีน ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งต่อภาคยานยนต์ กลาโหม และเซมิ-คอนดักเตอร์
ทรัมป์ ระบุด้วยว่า การควบคุมการส่งออกที่จีนวางแผนไว้เป็นสิ่งที่ "ไม่เคยได้ยินมาก่อนในการค้าระหว่างประเทศ และเป็นความอัปยศทางศีลธรรมในการติดต่อกับประเทศอื่นๆ" ซึ่งการตอบโต้ของสหรัฐฯ นั้น นอกจากภาษี 100% ซึ่งจะถูกเรียกเก็บเพิ่มเติมจากภาษีที่มีอยู่แล้ว ยังจะใช้มาตรการควบคุมการส่งออกกับ "ซอฟต์แวร์สําคัญทั้งหมด" ด้วย และกำหนดเวลาบังคับใช้อาจถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น โดย "ขึ้นอยู่กับการกระทําหรือการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมใดๆ ที่จีนดําเนินการ"
เขายังขู่ด้วยว่าจะเลิกการประชุมสุดยอดกับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่กำลังจะมีขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะข้อพิพาทที่เกิดขึ้น
ทรัมป์ โพสต์อย่างต่อเนื่องว่า เขาจะไม่จะพูดกับผู้นำจีนเรื่องนี้ "เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำเช่นนั้น" และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจริงๆ ไม่ใช่แค่สำหรับเขาเท่านั้น แต่สำหรับผู้นำโลกเสรีทุกคน เขามีกำหนดจะพบกับประธานาธิบดีสี ในระหว่างการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation) หรือ
เอเปค (APEC) ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน ที่เกาหลีใต้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำเช่นนั้นแล้ว แต่ปรากฎว่า ในอีกเพียงแต่ 2 ชั่วโมงต่อมา เขาได้เปลี่ยนใจ โดยระบุว่า การประชุมยังอาจจะมีอยู่
โพสต์ของ “ทรัมป์”
https://x.com/BigBreakingWire/status/1976665566493782217/photo/1