
สมัชชาอนามัยโลก หรือ World Health Assembly มีมติอย่างเป็นทางการในการประชุมที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในวันอังคาร (20 พฤษภาคม) รับรองข้อตกลงการระบาดครั้งใหญ่ (Pandemic Agreement) หลังการเจรจาต่อรองอย่างหนักนานกว่า 3 ปีของชาติสมาชิก เพื่อจัดทำแผนตอบสนองต่อการระบาดทั่วโลกในอนาคต สืบเนื่องจากการพบช่องว่างและความไม่เท่าเทียมของมาตรการบรรเทาการระบาดของโควิด-19 ทั้งในระดับประเทศและทั่วโลก
ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO กล่าวขอบคุณที่ประชุมสำหรับการมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับโลก
มติดังกล่าวมีขึ้นหลังจากในการประชุมระดับคณะกรรมาธิการเมื่อวันจันทร์เห็นชอบข้อตกลงแนวทางการรับมือของโรคระบาดใด ๆ ในอนาคตด้วยเสียงสนับสนุน 124 เสียง และมีเพียง 11 ประเทศ รวมถึงอิสราเอล อิตาลี รัสเซีย และอิหร่าน งดออกเสียง
แต่ข้อตกลงนี้จะยังไม่มีผลบังตับใช้ทันที จนกว่าจะมีการเจรจาประเด็นภาคผนวกเรื่องการแบ่งปันตัวอย่างเชื้อโรค ซึ่งอาจใช้เวลา 2 ปี และต้องมีชาติสมาชิก 60 ประเทศ ให้สัตยาบันรับรองข้อตกลง จึงจะมีผลบังคับใช้ได้
ข้อตกลงระบาดใหญ่กำหนดหลักการ, แนวทาง และเครื่องมือ ที่จะทำให้มีการประสานงานระหว่างนานาชาติที่ดีขึ้นในหลากหลายด้าน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างสาธารณสุขโลกในการป้องกัน, การเตรียมพร้อม และการรับมือกับการระบาดใหญ่ โดยจะครอบคลุมถึงการเข้าถึงวัคซีน, การรักษาและการวินิจฉัยโรคอย่างรวดเร็วและเท่าเทียม
ข้อตกลงยังกำหนดให้ผู้ผลิตจะต้องจัดสรรวัคซีน, ยา และชุดทดสอบ 20% ให้กับ WHO ระหว่างการระบาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศยากจนสามารถเข้าถึงเวชภัณฑ์เหล่านี้
นักการทูตและนักวิเคราะห์หลายคน มองว่า มติครั้งนี้เป็นชัยชนะของความร่วมมือระดับโลกในช่วงเวลาที่องค์กรพหุภาคีทั้งหลาย รวมถึง WHO ล้วนได้รับผลกระทบจากสหรัฐฯ ตัดเงินสนับสนุนต่างขาติอย่างรุนแรง
สหรัฐฯ ถอนตัวจากการเจรจาร่างข้อตกลง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจให้สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของ WHO ซึ่งจะใช้เวลาหนึ่งปีกว่าการถอนตัวจะมีผล