10 พฤษภาคม 2568 "The Sun" เผยคลิปวิดีโอที่บันทึกโดยกล้อง ที่ติดบริเวณกริ่งประตูหน้าบ้าน (Ring doorbell camera) แสดงให้เห็น เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ ทรงเคาะประตูผิดบ้านถึง 2 หลัง ขณะที่ทรงตามหาบ้านของพระสหาย ในช่วงเสด็จกลับกรุงลอนดอนเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อต่อสู้ให้ได้สิทธิในการได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ โดยตำรวจอารักขา ที่เป็นเงินภาษีประชาชน เมื่อพระองค์เดินทางกลับอังกฤษ
ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นเจ้าชายแฮร์รี พระชนมายุ 40 ชันษา สวมสูทสีน้ำเงิน ไม่ผูกเน็คไท ถือสมาร์ทโฟนแนบพระกรรณ (หู) ขณะยืนอยู่หน้าประตู เจ้าของบ้านหลังหนึ่งที่ถูกเคาะประตูผิด บอกว่า แม่บ้านของเขาเป็นคนไปเปิดประตูให้เจ้าชาย แต่จำพระองค์ไม่ได้ และเขาถึงช็อกเมื่อมาดูกล้อง
เขาบอกด้วยว่า เพื่อนบ้านพากันงงที่เห็นเจ้าชาย หลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก ที่เจ้าชายทรงไม่รู้จุดหมายว่าจะไปที่ใด บางคนบอกว่า ไม่คิดว่าจะมีคนที่เที่ยวเดินไปตามถนนและเคาะประตูบ้านตามลำพัง ทั้งที่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และบ้านสองหลังที่พระองค์ไปเคาะประตูผิด ก็อยู่คนละฝั่งถนนและห่างกันครึ่งไมล์ ก่อนจะไปหลังที่ถูกต้องที่อยู่สุดถนน
เรื่องนี้ ถูกเปิดเผยหลังจากมีรายงานข่าวว่า เจ้าชายทรงเคยประทับที่บ้านหรูของพระสหาย และยังใช้บริการส่งอาหาร "Deliveroo" ให้ไปส่งถึงหน้าประตู ที่ขัดกับระเบียบการรักษาความปลอดภัย และเกิดขึ้นหลังจากทรงแพ้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ของอังกฤษ ที่ให้ลดระดับการรักษาความปลอดภัย เมื่อสถานะของพระองค์เปลี่ยนแปลงไป นับตั้งแต่ทรงถอนตัวจากการเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ที่ทรงงาน และทรงย้ายไปประทับที่สหรัฐอเมริกา กับเมแกน พระชายาชาวอเมริกันเมื่อ 5 ปีก่อน หรือที่รู้จักในชื่อ "Megxit"
.
หลังจากแพ้คดี เจ้าชายทรงให้ภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ด้วย "ท่าทีที่ดูไม่ปกตินัก" โดยทรงกล่าวว่า การลดระดับการรักษาความปลอดภัยให้แก่พระองค์ "ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันและกลั่นแกล้ง" จากการที่ทรงประกาศลดบทบาท ซึ่งทรงเชื่อว่า ราชสำนักมีอิทธิพลสำคัญต่อการตัดสินใจในเรื่องนี้
โดยทรงยืนยันว่า แม้จะไม่ได้ทรงปฏิบัติภารกิจเพื่อราชสำนักแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงมีสถานะเป็นสมาชิกราชวงศ์อยู่ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ไม่อาจสละหรือเปลี่ยนแปลงไปได้ (My status hasn't changed. It can't change. I am who I am.)
เจ้าชายทรงระบุด้วยว่า การที่พระองค์และครอบครัวไม่ได้รับการดูแลด้านปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่ทรงประทับอยู่ในอังกฤษนั้น ย่อมส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุร้ายขึ้น ด้วยเหตุว่า พระองค์ได้ปฏิบัติภารกิจทางทหารเพื่อประเทศมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการไปร่วมรบในอัฟกานิสถาน ทำให้อาจถูกปองร้ายจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีได้ ก่อนที่จะทรงกล่าวด้วย "น้ำเสียงที่สั่นเครือ" ว่า ทรงคิดถึงอังกฤษ และทรงไม่คิดว่าจะมีหนทางใดแล้ว ที่พระองค์และครอบครัวจะสามารถเดินทางกลับมาที่อังกฤษได้