
แรงงานเกาหลีใต้เดินขบวนในกรุงโซลในวันพฤหัสบดี (1 พฤษภาคม) ในวันแรงงานสากล เพื่อเรียกร้องสิทธิของแรงงานในการจัดตั้งสหภาพ และได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายแรงงาน รวมทั้งเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสังคมในวงกว้างและยุติความไม่ยุติธรรมที่หยั่งรากลึก นอกจากนี้แรงงานยังประณามการถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ด้วย
นอกจากนี้แรงงานชาวกรีซหลายพันคนเดินขบวนในกรุงเอเธนส์เพื่อเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าจ้างเพื่อต่อสู้กับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงต้องการให้จ่ายเงินโบนัสวันหยุด และลดเกณฑ์เก็บภาษี แรงงานในระบบขนส่งสาธารณะยังร่วมผละงานประท้วงนาน 24 ชม. ที่ทำให้รถไฟ รถราง และเรือข้ามฟากต้องหยุดให้บริการ การหยุดงานประท้วงและการเดินขบวนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบหนึ่งเดือน ขณะแรงงานเผชิญความยากลำบากจากราคาอาหาร พลังงาน และที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้การชุมนุมในบางประเทศ แรงงานแสดงความกังวลต่อนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โดยแรงงานชาวไต้หวันเกือบ 2,500 คน เดินขบวนไปยังทำเนียบประธานาธิบดี และเตือนว่า ภาษีทรัมป์จะทำให้คนตกงาน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลเสนอแผนคุ้มครองสิทธิของแรงงาน ขณะที่ผู้นำการประท้วงในฟิลิปปินส์ เตือนว่า สงครามภาษีและนโยบายของทรัมป์กระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศ
ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ขบวนการ 50501 นัดชุมนุมประท้วงทั่วทั้ง 50 รัฐในวันแรงงาน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์ และมหาเศรษฐีพันล้านที่สนับสนุนทรัมป์ ซึ่งรวมถึง อีลอน มัสก์ ที่กำกับดูแลสำนักงานประสิทธิภาพรัฐบาล และมีบทบาทตัดรายจ่ายและลดขนาดหน่วยงานรัฐบาล ที่ทำให้มีการปลดหรือเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และยุบบางหน่วยงาน