
ทำเนียบรัฐบาลแคนาดา เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โทรศัพท์แสดงความยินดีกับชัยชนะของนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ และผู้นำทั้งสองเห็นตรงกันเรื่องความสำคัญที่แคนาดาและสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกันในฐานะประเทศที่มีอธิปไตยและเอกราช เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นร่วมกัน โดยทั้งสองตกลงจะพบกันในอนาคตอันใกล้
ขณะที่คาร์นีย์ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า เขาจะเยือนสหรัฐฯ ก็ต่อเมื่อมีการหารืออย่างจริงจัง และได้รับการเคารพอธิปไตยของแคนาดา และการเจรจาประเด็นการค้าและความมั่นคงจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของแคนาดา โดยสองประเทศยังต้องมีความเป็นหุ้นส่วนกันทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่จะเปลี่ยนไปอย่างมากจากในอดีต
ส่วนทำเนียบขาวของสหรัฐฯ บอกว่า ผลเลือกตั้งแคนาดาจะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแผนของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะทำให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ
ส่วนทำเนียบขาวของสหรัฐฯ บอกว่า ผลเลือกตั้งแคนาดาจะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแผนของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะทำให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งของแคนาดาที่ใกล้เสร็จสิ้น ระบุว่า พรรคเสรีนิยมของคาร์นีย์ คว้าที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้เพียง 169 ที่นั่ง โดยขาดอีก 3 ที่นั่งจะครองเสียงข้างมาก ทำให้มีความท้าทายยิ่งขึ้นในการเจรจากับสหรัฐฯ เรื่องกำแพงภาษี และจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ภายในประเทศ โดยจะต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคอื่นในการผ่านกฎหมายต่าง ๆ
สื่อคาดกันว่า พรรคเสรีนิยมอาจจับมือเป็นพันธมิตรกับพรรคประชาธิปไตยใหม่ และพรรคบล็อก ควิเบกคัวส์ และคาดว่า ประเด็นหนึ่งที่พรรคเสรีนิยมจะได้รับเสียงสนับสนุนในสภาอย่างง่ายดาย คือ มาตรการช่วยเหลือแรงงานและอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ ซึ่งทุกพรรคล้วนแสดงจุดยืนสนับสนุนระหว่างการหาเสียง
ชัยชนะของพรรคเสรีนิยมเป็นจุดพลิกผันครั้งประวัติศาสตร์ของพรรค หลังจากมีคะแนนนิยมตามหลังพรรคอนุรักษ์นิยมที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลักถึง 25% จากผลสำรวจเมื่อเดือนมกราคม ปัจจัยจากทรัมป์มีส่วนเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองของแคนาดา ทำให้ชาวแคนาดาหันไปเทคะแนนสนับสนุนนายคาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางและนักเศรษฐศาสตร์ที่เคยมีบทบาทแก้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนจัสติน ทรูโด ที่ลาออกเมื่อเดือนที่แล้ว