svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ระเบิดรถยนต์คร่าชีวิตนายพลรัสเซีย ก่อนทูตพิเศษสหรัฐฯ พบปูติน

เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ใกล้กรุงมอสโกของรัสเซียทำให้นายพลเสียชีวิตในวันนี้ ก่อนที่ทูตพิเศษสหรัฐฯ จะพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงที่สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพ

เหตุระเบิดเกิดขึ้นจากระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนในรถยนต์คันหนึ่งในเมืองบาลาชิคา ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกไม่ถึง 32 กม.ในวันศุกร์ (25 เมษายน) ส่งผลให้ยารอสลาฟ มอสคาลิก นายทหารระดับสูงจากกองเสนาธิการทหารของกองทัพบกรัสเซีย เสียชีวิต

คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย เปิดการสอบสวนเหตุระเบิด โดยชุดสืบสวนเริ่มตรวจพื้นที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งเหตุระเบิดเกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากเพิ่งเกิดเหตุไฟไหม้หลังการระเบิดที่ลานจอดรถยนต์ใต้ดินในย่านธุรกิจในกรุงมอสโก

เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หน่วยความมั่นคงยูเครนยอมรับว่า อยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหารพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ของรัสเซีย ด้วยระเบิดซุกซ่อนในสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดนอกอะพาร์ตเมนต์ของเขา

ข่าวเหตุระเบิดครั้งล่าสุดมีขึ้นในช่วงที่สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน หลังเดินทางถึงกรุงมอสโกเช้าวันนี้ โดยเป็นการเยือนรัสเซียครั้งที่ 4 นับจากต้นปีนี้ ต่อมามีรายงานว่า วิตคอฟฟ์ได้พบกับปูตินแล้ว โดยคาดว่าจะหารือเรื่องข้อเสนอแผนสันติภาพ

เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัสเซียพร้อมบรรลุข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน แต่ยังมีบางประเด็นที่จำเป็นต้องมีการปรับแก้ไข

ขณะมีกระแสข่าวว่า สหรัฐฯ เสนอให้ยูเครนยอมรับว่า แคว้นไครเมียที่รัสเซียยึดไปและผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในปี 2557 เป็นดินแดนของรัสเซีย โดยข้อเสนอนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยาวนาน 3 ปี แต่ยูเครนยืนยันไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้

นอกจากนี้ข้อเสนอของสหรัฐฯ ต้องการให้รัสเซียยอมรับสิทธิของยูเครนในการพัฒนากองทัพที่มียุทโธปกรณ์อย่างเพียงพอ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ขณะที่รัสเซียเสนอให้จำกัดขนาดกองทัพของยูเครนเกินครึ่ง และลดจำนวนรถถัง ปืนใหญ่ และเครื่องยิงจรวด

และแม้ทรัมป์กำลังพยายามหาทางผลักดันให้รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพ และขู่จะยุติบทบาทการเจรจาไกล่เกลี่ยหากไม่มีความคืบหน้า แต่รัสเซียยังคงโจมตีทางอากาศต่อยูเครนอย่างหนัก และประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์เมื่อวันพฤหัสบดีบอกให้ประธานาธิบดีปูตินหยุดโจมตียูเครน และแสดงความไม่พอใจต่อปฏิบัติการโจมตีช่วงกลางดึกถึงเช้ามืดในวันเดียวกัน ที่พุ่งเป้าถล่มกรุงเคียฟอย่างหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คนและผู้บาดเจ็บ 87 คน