แถลงการณ์ที่โพสต์ในเว็บไซต์ขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ ยูเอสเอด (USAID) เมื่อคืนวันอังคาร (4 กุมภาพันธ์) ระบุว่า ตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของวันศุกร์ (7 กุมภาพันธ์) ตามเวลาสหรัฐฯ พนักงานที่ได้รับการจ้างงานโดยตรงทั้งหมดของยูเอสเอดจะถูกพักงานทั่วโลก ยกเว้นบุคคลที่รับผิดชอบงานภารกิจสำคัญและระดับผู้นำ และพนักงานที่ประจำการในต่างประเทศจะต้องเดินทางกลับประเทศภายใน 30 วัน
การถอนเจ้าหน้าที่ยูเอสเอดเกือบทั้งหมดกลับประเทศเป็นส่วนหนึ่งของความพยามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่รับผิดชอบปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐบาล เพื่อปิดหน่วยงานที่มีอายุ 60 ปี และจัดสรรความช่วยเหลือมหาศาลในทั่วโลก โดยกล่าวหาว่า การใช้จ่ายในหลายโครงการเป็นการสิ้นเปลือง
ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้ระงับการจัดสรรเงินช่วยเหลือต่างประเทศเกือบทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน เพื่อทบทวนความจำเป็นโครงการต่าง ๆ ซึ่งสร้างความสับสนในวงกว้าง และส่งผลกระทบไปทั่วโลก
หน่วยงานวิจัยของรัฐสภาเผยแพร่รายงานในสัปดาห์นี้ว่า ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจที่จะสั่งปิดหรือยุบรวมหน่วยงานยูเอสเอดโดยลำพัง และจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
ขณะที่เมื่อวันจันทร์ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ประกาศว่า เขาจะเป็นรักษาการผู้บริหารยูเอสเอด ซึ่งเป็นการยืนยันว่า กระทรวงต่างประเทศเข้าควบคุมหน่วยงานด้านมนุษยธรรมแห่งนี้แล้ว และเขาแถลงข่าววันอังคารด้วยว่า เขายังคงสนับสนุนการช่วยเหลือต่างประเทศ แต่การช่วยเหลือไม่ใช่การกุศาล ทุกดอลลาร์ที่จ่ายไปต้องเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
ในช่วงหลายวันที่ผ่านเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของยูเอสเอดหลายคนถูกพักงาน และลูกจ้างหลายพันคนถูกปลดออกจากตำแหน่ง และพนักงานได้รับแจ้งในสัปดาห์นี้ว่าไม่ต้องเข้าทำงานที่สำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตันแล้ว
USAID จ้างพนักงานมากกว่า 10,000 คน ซึ่งเกือบ 2 ใน 3 ประจำการในต่างประเทศ และในปี 2566 จัดสรรเงินกว่าครึ่งหนึ่งจากงบช่วยเหลือต่างประเทศของรัฐบาลทั้งหมด 72,000 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการต่าง ๆ ทั่วโลก