นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เข้าให้การต่อศาลที่กรุงเทลอาวีฟในวันอังคาร โดยกล่าวว่า เขารอเวลา 8 ปี เพื่อพูดความจริง และคำให้การของเขาจะสามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาที่ไร้สาระ รวมทั้งยืนยันว่า เขาเป็นผู้นำที่ทุ่มเท และผู้ปกป้องผลประโยชน์ของชาวอิสราเอล
เขาถูกยื่นฟ้องในปี 2562 เกี่ยวกับข้อหาฉ้อโกง, ใช้อำนาจโดยมิชอบ และรับสินบน ใน 3 คดี จากการรับสินบนเป็นซิการ์และแชมเปญรวมมูลค่าหลายหมื่นดอลลาร์ จากผู้กำกับฮอลลีวูดที่เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ และผลักดันการออกข้อบังคับที่สร้างความได้เปรียบแก่เจ้าพ่อวงการสื่อ เพื่อแลกกับการรายงานข่าวในแง่ดีเกี่ยวกับตัวเขาและครอบครัว
แต่เนทันยาฮู วัย 75 ปี ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด โดยบอกว่า การดำเนินคดีนี้เป็นการล่าแม่มดโดยสื่อและระบบกฎหมายที่มีอคติเพื่อโค่นล้มเขาที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน ตลอดหลายปีมีข้อกล่าวหามากมายว่าเขาและครอบครัวใช้ชีวิตอย่างหรูหราด้วยเงินของผู้เสียภาษี
เนทันยาฮูกลายเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลคนแรกที่ให้การในฐานะจำเลยคดีอาญาขณะยังดำรงตำแหน่ง ถือเป็นจุดตกต่ำในเส้นทางการเมืองของเขา ในช่วงที่ประเทศกำลังทำสงครามในฉนวนกาซา และเผชิญความเสี่ยงมากมายจากความวุ่นวายในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดในซีเรีย
การพิจารณาคดีถูกย้ายจากเยรูซาเลมไปยังเทลอาวีฟด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และจัดขึ้นภายในห้องพิจารณาคดีชั้นใต้ดิน ขณะที่มีผู้ประท้วงหลายสิบคน รวมถึงสมาชิกครอบครัวตัวประกันที่ถูกกักตัวอยู่ในฉนวนกาซา ชุมนุมต่อต้านเนทันยาฮูที่ด้านนอกศาล และบางคนชุมนุมเพื่อสนับสนุนเขา
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้พิพากษาสั่งให้เนทันยาฮูเข้าให้การวันละ 6 ชม. และ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำให้เขาจะต้องวิ่งรอกระหว่างศาล และห้องบัญชาการสงครามในกระทรวงกลาโหมที่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่นาที จึงเกิดเสียงวิจารณ์ว่า เขาจะยังสามารถบริหารประเทศในยามสงครามได้หรือไม่ ส่วนคำตัดสินคดีอาจต้องรอจนถึงปี 2569 และเนทันยาฮูยังสามารถอุทธรณ์ในศาลฎีกาได้
ภายใต้กฎหมายอิสราเอล นายกรัฐมนตรีที่ถูกยื่นฟ้องไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง แต่ข้อหาในคดีของเขาจุดความแตกแยกในสังคม และมีผู้ประท้วงเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง และอดีตพันธมิตรทางการเมืองปฏิเสธที่จะร่วมรัฐบาลกับเขา จนนำไปสู่วิกฤตการเมือง ที่ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งถึง 5 ครั้ง ในช่วงเวลาไม่ถึง 4 ปี นับจากปี 2562