จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งในตุรกีและซีเรียจากแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.) เพิ่มเป็น 33,179 รายแล้วในวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) โดยเฉพาะในตุรกีมีผู้เสียชีวิต 29,605 ราย และในซีเรียมีผู้เสียชีวิต 3,574 ราย ซึ่งอาสาสมัครกู้ภัยกลุ่ม ไวท์ เฮลเมท ประกาศยุติการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่ของฝ่ายกบฏในภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียแล้ว หลังปฏิบัติงานต่อเนื่อง 108 ชม. โดยเชื่อว่า ผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังไม่รอดชีวิตแล้ว
อย่างไรก็ตามยังคงมีปาฏิหาริย์ที่มีผู้รอดชีวิตบางรายได้รับการช่วยเหลือในจังหวัดฮาทัยของตุรกีในวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) ในจำนวนนี้รวมถึง หญิงวัย 64 ปี คู่พ่อและลูกสาว วัย 5 ขวบ ที่ติดอยู่ในช่องแคบ ๆ และเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ที่ชื่อว่า คูดี ซึ่งติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนาน 147 ชม.
ขณะที่มาร์ติน กริฟฟิธส์ ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการมนุษยธรรมและบรรเทาภัยฉุกเฉิน ซึ่งเดินทางถึงภาคใต้ของตุรกีใกล้กับชายแดนซีเรียเมื่อวันเสาร์เพื่อประเมินความเสียหายของแผ่นดินไหว กล่าวเตือนว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มอย่างน้อย 2 เท่า และบอกด้วยว่า ชาวซีเรียกำลังรอคอยความช่วยเหลือจากนานาชาติที่ยังเข้าไปไม่ถึงพื้นที่ และพวกเขารู้สึกถูกทอดทิ้ง พร้อมกับให้ความมั่นใจว่า เขามีหน้าที่และพันธะในการแก้ไขความล้มเหลวนี้โดยเร็วเท่าที่ทำได้
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ที่จุดผ่านแดนบับ อัล-ฮาวา ระหว่างชายแดนตุรกีและพื้นที่ฝ่ายกบฏซีเรีย เปิดเผยว่า มีศพชาวซีเรียที่เสียชีวิตในตุรกีเกือบ 1,100 รายถูกส่งข้ามจุดผ่านแดนแห่งนี้ไปยังฝั่งซีเรีย
ขณะที่ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ตรวจเยี่ยมพื้นที่ในเมือง อเลปโป ของซีเรียเมื่อวันเสาร์ และบอกว่า รู้สึกใจสลายกับความเสียหายและผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ขณะเดียวกันรู้สึกยินดีที่สหรัฐฯ ระงับการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลซีเรีย 180 วัน เพื่อให้นานาชาติสามารถจัดส่งความช่วยเหลือฉุกเฉินสู่ซีเรีย และการจัดส่งความช่วยเหลือทยอยเข้าสู่อเลปโป และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนแคโรลีน โฮลต์ ผู้อำนวยการฝ่ายภัยพิบัติ สภาพภูมิอากาศ และวิกฤตของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ประเมินว่า ภารกิจกู้ภัยในตุรกีอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี แต่ในเซีเรียอาจใช้เวลา 5-10 ปี