แรงงานหลายแสนคนรวมตัวเดินขบวนประท้วงทั่วฝรั่งเศสในวันอังคาร ทั้งในกรุงปารีส และอีกหลายเมือง เช่น ตูลูส, มาร์แซย์, นีซ, แซ็ง-นาแซร์ และนองต์ ขณะที่สื่อ คาดว่า อาจมีการเดินขบวนในอย่างน้อย 200 เมือง และตำรวจราว 11,000 นาย กระจายกำลังรักษาความปลอดภัย
การผละงานของแรงงานทำให้โรงเรียน ระบบขนส่งสาธารณะ โรงกลั่นน้ำมัน และโรงไฟฟ้าหยุดชะงัก โดยในกรุงปารีสมีรถไฟความเร็วสูงเพียง 1 ใน 3 และรถไฟใต้ดินแค่ 2 สายวิ่งให้บริการได้ตามปกติ และสหภาพแรงงาน CGT ระบุว่า สมาชิกอย่างน้อย 3 ใน 4 หยุดงานประท้วงที่โรงกลั่นน้ำมัน โททาล เอนเนอร์ยีส์ และคลังน้ำมัน และโรงงานไฟฟ้าต้องลดการผลิตหลังแรงงานหยุดงานประท้วงที่บริษัทไฟฟ้า EDF ขณะที่สหภาพครูแห่งหนึ่ง อ้างว่า มีครูโรงเรียนมัธยม 55% หยุดงาน และมีรายงานนักเรียนมัธยมปลายรวมตัวประท้วงด้านนอกโรงเรียนบางแห่ง
การผละงานและการชุมนุมทั่วประเทศครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เพื่อต่อต้านแผนการปฏิรูประบบบำนาญของประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง หลังจากการประท้วงเมื่อวันที่ 19 ม.ค.มีผู้เข้าร่วมกว่า 1 ล้านคน แต่ในวันนี้บางเมืองมีผู้ชุมนุมมากกว่าการเดินขบวนเมื่อ 12 วันที่แล้ว
ภายใต้แผนปฏิรูประบบบำนาญกำหนดปรับเพิ่มเกณฑ์อายุเกษียณจาก 62 ปี เป็น 64 ปี และล่าสุดรัฐบาลส่งสัญญาณว่า อาจแก้ไขรายละเอียดบางข้อ แต่จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงการปรับเพิ่มอายุเกษียณเป็น 64 ปี
ประธานาธิบดีมาครง ยืนยันว่า แผนปฏิรูประบบบำนาญเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ระบบบำนาญอยู่รอดได้ และกระทรวงแรงงาน ประเมินว่า แผนนี้จะทำให้ระบบบำนาญมีรายได้เพิ่มขึ้น 17,700 ล้านยูโรต่อปี
ขณะที่ผลสำรวจพบว่า ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ ซึ่งโกรธแค้นต่อวิกฤตค่าครองชีพและเงินเฟ้อพุ่งสูง คัดค้านแผนปฏิรูประบบบำนาญ