รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีจาก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ร่วมประชุมฉุกเฉินที่กรุงเทพฯ ในวันศุกร์ หลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามทวีป หรือ ICBM ตกในทะเลตะวันออก ห่างจากชายฝั่งของญี่ปุ่น 200 กม. ในช่วงเช้า
แฮร์ริส กล่าวประณามอย่างรุนแรงต่อการยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ของเกาหลีเหนือ ที่เป็นการละเมิดมติหลายข้อของสหประชาชาติ และเรียกร้องให้หยุดการกระทำที่ทำลายเสถียรภาพและไม่ถูกกฎหมาย พร้อมกับยืนยันว่า สหรัฐฯ ยังยึดมั่นในการปกป้องพันธมิตรในอินโด-แปซิฟิก และประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ยังคงอยากให้เกาหลีเหนือยึดวิถีทางการทูตอย่างจริงจัง
และนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้ เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธมากกว่า 50 ลูกแล้ว ซึ่งเป็นการยิงทดสอบที่บ่อยครั้งมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นอีก และที่ประชุมนี้ร่วมประณามการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด
นอกจากนี้ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ กล่าวเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการยั่วยุทุกรูปแบบทั้งหมดทันที และปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง
การประชุมฉุกเฉินมีขึ้นระหว่างที่ผู้นำชาติเอเชีย-แปซิฟิกเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่กรุงเทพฯ หลังจากกองทัพเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือถูกยิงจากเขตซูนันในกรุงเปียงยางเมื่อเวลา 10.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเคลื่อนที่ได้ไกลราว 1,000 กม. และแหล่งข่าวทางการทหาร คาดว่า ขีปนาวุธดังกล่าวอาจเป็นขีปนาวุธ ICBM รุ่น ฮวาซอง-17
ขีปนาวุธฮวาซอง-17 สามารถติดหัวรบได้หลายหัวรบ และมีพิสัยการยิงได้ไกลราว 15,000 กม. ไกลมากพอที่จะครอบคลุมทั่วแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน โช ซอน-ฮุย รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวเตือนว่า จะใช้ปฏิบัติการทางทหารที่แข็งกร้าวมากขึ้น หากสหรัฐฯ ยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง ที่จะใช้กำลังทางทหารเต็มพิกัด รวมถึง อาวุธนิวเคลียร์ เพื่อปกป้องชาติพันธมิตร