ศูนย์สังเกตการณ์ภัยแล้งยุโรปเผยแพร่รายงานประจำเดือน ส.ค. ระบุว่า พื้นที่ 47% ของยุโรปอยู่ภายใต้ประกาศเตือนภัย และอีก 17% อยู่ในระดับแจ้งเหตุฉุกเฉิน
รายงานระบุว่า ภัยแล้งรุนแรงส่งผลกระทบหลายภูมิภาคในยุโรปตั้งแต่ต้นปีกำลังขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นและเลวร้ายยิ่งขึ้นช่วงต้นเดือนนี้ โดยเฉพาะยุโรปตะวันตกและฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียนจะมีสภาพอากาศอุ่นขึ้นและแห้งแล้งกว่าปกติจนถึงเดือน พ.ย. โดยภัยแล้งในขณะนี้น่าจะเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 500 ปี
รายงานเตือนด้วยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในบางประเทศจะเลวร้ายลงอีก เช่น อิตาลี สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และอังกฤษ
ผลผลิตจากการเพาะปลูกช่วงฤดูร้อนในยุโรปได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยผลผลิตข้าวโพดจะลดลง 16% จากค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และถั่วเหลืองและเมล็ดทานตะวันจะลดลง 15% และ 12% ตามลำดับ
นอกจากนี้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำลดลง 20% เพราะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ และระดับน้ำในแม่น้ำที่แห้งขอดก็ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือ ซึ่งส่งผลให้การขนส่งสินค้าประเภทถ่านหินและน้ำมันทางเรือก็ลดลงตามไปด้วย
แต่รายงานคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกช่วงกลางเดือน ส.ค. ซึ่งจะช่วยบรรเทาภัยแล้ง แต่ก็อาจเกิดพายุฟ้าคะนองที่สร้างความเสียหายมากยิ่งขึ้นได้ด้วย