ชาวเยอรมันคนนี้มีวัย 40 ปี ได้ไปพบแพทย์ในสภาพจมูกเป็นสีแดง ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นผลมาจากการถูกแดดเผา หลังจากนั้น 3 วัน ผิวหนังบริเวณจมูกของเขาก็เริ่มตาย และเปลี่ยนเป็นสีดำเพราะเริ่มเน่า ตกสะเก็ด บวมและเจ็บปวด ในเวลาเดียวกันก็มีจุดหนองสีขาวเกิดขึ้นทั่วร่างกาย บริเวณที่หนักที่สุดคือ รอบปากและองคชาต ผลการทดสอบ PCR ยืนยันว่า เขาติดเชื้อฝีดาษลิงและถูกนำส่งโรงพยาบาล และได้รับยาต้านไวรัส
ชายคนนี้ไม่เคยเข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) มาก่อน เลยไม่รู้ว่ายังมีเชื้อซิฟิลิส (syphilis) กับ HIV ที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอีกด้วย ทำให้ร่างกายของเขามีภูมิคุ้มกันบกพร่อง แพทย์ได้ให้ยารักษาอาการติดเชื้อที่ทำให้แผลแห้ง แต่จมูกของเขาดีขึ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น ขณะที่แพทย์ระบุว่าเคสนี้เป็นเคสที่รุนแรง เนื่องจากการไม่ได้รับการรักษา HIV ที่ทำให้เขามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเนื้อเน่า (necrosis) มากขึ้น อีกทั้งจำนวนเม็ดเลือดขาวของเขาก็ต่ำพอ ๆ กับคนที่มีอาการป่วยโรคเอดส์
อาการเนื้อเน่าเกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อเริ่มตาย โดยมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ เมื่อเลือดและออกซิเจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เนื้อเยื่อขาดสารอาหาร ซึ่งถ้าเป็นคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงก็จะสามารถต้านทานได้
เยอรมนีเป็นประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษลิงสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 3,000 คน นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมเป็นต้นมา โดยเป็นรองสหรัฐฯ (มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 10,000 คน และสเปน (มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 5,000 คน)