เปิดใจทั้งน้ำตา "ใบเตย" ยอมรับหย่า "ดีเจแมน" จริง

หลังจากที่ "ใบเตย อาร์สยาม" ได้กลับมาทวงบัลลังก์ตัวแม่ตัวมัม และเซ็นสัญญากับ อาร์เอส อีกครั้ง ล่าสุด "ใบเตย" เชิญสื่อมวลชนมาร่วมเก็บภาพบรรยากาศการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอซิงเกิลใหม่ "แท่ด แท่ด (TAD TAD)" เพลงที่เต็มไปด้วยพลัง กับจังหวะที่มันส์สะใจชวนขยับตาม กับชุดสวยๆตามสเต็ปไม่สั้นเสมอหูอย่าเรียกหนูใบเตยโดยความพิเศษของเพลงนี้ ยังอยู่ที่การได้ร่วมงานกับ "แจ๊ป เดอะริชแมนทอย" นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ฝีมือเยี่ยม 

 

นอกจากนี้ใบเตย ยังได้อัปเดตข่าวลือที่หลายคนสงสัยว่าหย่ากับสามี "ดีเจแมน" แล้วจริงหรือไม่? โดย"ใบเตย"ตอบด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมร่ำไห้ยอมรับว่า ตอนนี้เธอหย่ากับดีเจแมนแล้วในทางกฎหมายไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน การเซ็นใบหย่าเป็นการตัดสินใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายด้วยเหตุผลหลายๆองค์ประกอบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งและยังคงไปเยี่ยมอยู่ทุกวัน ยังรักเหมือนเดิมและจะทำหน้าที่พ่อแม่ให้น้องเวทมนต์ที่ผ่านมาพยายามรักษาครอบครัวแต่ตอนนี้เหมือนคนบ้านพัง 

"ก็ๆ... ตามนั้น ได้หย่ากันจริงค่ะ หย่ากันตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว ขอไม่ลงดีเทลตรงนี้ เพราะมันก็แย่ค่ะ เพราะมันส่งผลหลายอย่าง ทั้งตัวเราเอง และคนในครอบครัว" 

สถานะ สามีอยู่หรือเปล่า? "ในทางกฏหมายไม่ได้เป็น แต่ถ้าในทางชีวิตพ่อแม่ลูก ยังเป็นค่ะ (สถานะสามี?) "ไม่ขอตอบค่ะ ตกลงกันภายในครอบครัว ด้วยดีค่ะ ความรู้สึกในฐานะพ่อแม่ลูก คู่ชีวิตยังเหมือนเดิมทุกอย่างค่ะ เราพยายามรักษาครอบครัวมากที่สุด มันเหมือนบ้านพัง ณ ตอนนี้ ทั้งสองครอบครัวรับทราบมาโดยตลอด ตอนนี้ไม่ได้คุยกับทางคุณแม่พี่แมนค่ะ ไม่ขอพูดถึงคนอื่นค่ะ รักษาความเป็นครอบครัว คนในไม่ท้อ คนรอไม่ทิ้งค่ะ เขารู้ว่า ได้รับกำลังใจเยอะค่ะ ไปเยี่ยมตลอดค่ะ เขาสภาพจิตใจเข้มแข็ง"
ทำไมยังเคียงข้างผู้ชายตรงนี้? "มันไม่มีเหตุผลอะไร มันคือ มนุษยธรรม ที่ไม่ทางทิ้งกัน ยังรักค่ะ อาจจะไม่ได้บอกกับปาก แต่มีจดหมายที่เขียนไปตลอด เป็นเรื่องที่ยากสุดๆ ค่ะ คงไม่มีใครโชคร้ายเท่านี้ ไม่ได้บอกเรื่องที่จะมาสัมภาษณ์ค่ะ อยากให้เขาอยู่นั้น รักษาชีวิตได้ออกมาเจอครอบครัว"

ยังมีความหวัง? "ต้องบอกว่า ไม่รู้อนาคตเลย แล้วแต่วันเลยค่ะ คงจะเริ่มต้นอะไรใหม่ได้ คือในวันที่ทุกอย่างตัดสินแล้วค่ะ"

ส่วนสภาพจิตใจใบเตยกล่าวทั้งน้ำตาว่า "ณ วันนี้ ยังหนัก สิ่สำคัญ คือต้องมีสติในทุกวันที่ตื่นมา อยู่ได้ เพราะกำลังใจจากทุกคน ได้ทำงาน ช่วยได้มาก เราตื่นขึ้นมา บอกตัวเองว่า ต้องทำงานให้ได้ ต้องมีสติ หลายอย่างในชีวิตพังทลายไปเยอะ ต้องใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า เป็นผู้ป่วยจิตเวช ตั้งแต่วันนั้นจนกถึงสันนี้ ขั้นตอนการรักษา ก็ทานยาอยู่ตลอด ค่อยๆเบายาหลายขนาด เพราะหลักๆ คือต้องนอนให้พอ"