กระแสของ "พรหมลิขิต" ผลงานจากค่าย “บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น” สร้างจากบทประพันธ์ของ "รอมแพง" ถ่ายทอดออกมาเป็นบทละครโทรทัศน์โดยผู้เขียนบทระดับปรมาจารย์ของวงการบันเทิงไทย "อ.แดง ศัลยา สุขะนิวัตติ์" ต้องบอกว่า "แรง" ตั้งแต่ต้นยันจบเลยทีเดียว จนต้องหยิบยกมาเขียนถึงอีกครั้ง! เพราะล่าสุดก็มีดราม่าเกิดขึ้นในโลกออนไลน์
ก่อนอื่นมาดูกันว่าทำไมละครภาคต่อ ถึงโดนจับจ้องมากกว่าใครเพื่อน ส่วนหนึ่งเพราะคนดู "คาดหวัง" ในเมื่อภาคแรกทำไว้ดี ภาคสองก็ต้องเป็นเช่นนั้นด้วย...
"พรหมลิขิต" เองก็เช่นกัน ในเมื่อมาสานต่อเรื่องราวของ "บุพเพสันิวาส" ที่เป็นปรากฏการณ์แบบถล่มทลายในปี 2561 ก็แน่นอนว่าแฟนละครทั้งประเทศต่าง "คาดหวัง" ประเด็นนี้ทางผู้จัดฯ “พี่หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์” เคยนั่งพูดคุยกับทาง "ทีมข่าวบันเทิงเนชั่นออนไลน์" ว่า
“พอมีโครงการจะสร้างภาคต่อ กดดันมากตั้งแต่รู้ว่าจะทำ จะทำยังไง ทุกอย่างเหมือนทำไปหมดแล้ว ในเรื่องของอาหาร ชุด ประวัติศาสตร์ โจทย์ก็ยากขึ้น จะเดินเรื่องยังไง การต่อเนื่องยังไง"
"พรหมลิขิต" เปิดมาใน EP. แรกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 กระแสดีคุ้มค่าการรอคอย มีตัวละครที่หลายคนคิดถึง อย่าง "แม่การะเกด, พี่หมื่น, ท้าวทองกีบม้า, พระเจ้าเสือ, พ่อเรือง, แม่หญิงจันทร์วาด, พี่ผิน, พี่แย้ม, แม่ปราง" ให้ได้เห็น และยังมีตัวละครใหม่ ๆ รุ่นลูกออกมาสร้างสีสัน
พอมากลางเรื่องเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบให้ได้ยิน แต่มาพีคสุดใน EP. สุดท้ายที่ออนแอร์ไปเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ถูกกระแสตีกลับเยอะมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นตัวละครบางตัวที่หายไป หรือการจบแบบรวบรัด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถึงขนาดที่ว่า "อ.แดง ศัลยา" ต้องออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
พรหมลิขิต 2566
ยกที่หนึ่ง
พรหมลิขิตตอนจบรวบรัดเกินไป
นิยายเขียนคำว่า "จบบริบูรณ์" หลังจากฉากแต่งงานของพ่อริดเและพุดตาน ต่อจากนั้นนิยายเขียนว่า "ตอนพิเศษ" ความยาว 4 หน้าหนังสือ
ในเมื่อเป็นตอนพิเศษ
จึงไม่เพิ่มไม่ลดไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ
บทละครจึงเหมือนนิยายทุกประการ
คำว่ารวบรัดเกินไปจึงขอมอบให้ตอนพิเศษของนิยายเรื่องนี้
ยังมียกต่อ ๆ ไป
ฯลฯ
โพสต์นี้เรายังเห็น "รอมแพง" เข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า "อุ้ยต้องกราบขอโทษป้าแดงด้วยนะคะ ที่นิยายของอุ้ยมีความผิดพลาดขาดพร่อง จนทำให้ป้าแดงทำงานยาก และต้องดัดแปลงจนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขนาดนี้ รวมไปถึงความอ่อนด้อยในการตอบคำถามของพิธีกรและนักข่าวก็ยิ่งสร้างความลำบากใจให้กับทีมละคร เป็นความผิดของอุ้ยเองค่ะ"
กราบขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ
อุ้ย รอมแพง
ส่วนความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของ "รอมแพง" ก็มีเช่นกัน
ขอน้อมรับความผิดพลาดของนิยายพรหมลิขิต ที่ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ และน่าจะไม่ดีพอที่จะทำเป็นละคร จึงทำให้ทีมละครโดนวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก รวมไปถึงความอ่อนด้อยในการตอบคำถามของพิธีกรและนักข่าวก็ยิ่งสร้างลำบากใจให้กับผู้เขียนบทและทีมละครที่ทำดีที่สุดแล้ว เป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ
หลายท่านอาจจะไม่พอใจที่ทีมทำละครโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยที่ดิฉันเหมือนลอยตัวจากการวิพากษ์นั้น จากการที่ดิฉันพิมพ์และพูดอยู่เสมอว่า หลังขายเป็นละครแล้วแทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมละครเลย นอกจากจะมีการขอคำปรึกษาจากทีมงาน และต้องให้เกียรติคนทำงาน เพราะศิลปะการนำเสนอของละครกับนิยายแตกต่างกัน
ซึ่งประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดิฉันพูดมาเป็น 10 ปีในการไปเป็นวิทยากรทุกแห่ง จากการที่นิยายได้ทำเป็นละครมาหลายเรื่อง
แน่นอนว่าดิฉันไม่มีปัญหากับการดัดแปลงเพราะเข้าใจเป็นอย่างดีในศาสตร์ที่ต่างกัน แต่อาจจะมีความเสียดายในเนื้อหาหรือคาแร็คเตอร์ที่เปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจที่ขายเป็นละครอย่างแน่นอน
ดังนั้นแบ่งความคิดเห็นที่ตำหนิจากความผิดหวังในสิ่งที่คาดหวังจากละครมาทางดิฉันได้เลยค่ะ เพราะถ้าไม่โดนตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์เสียบ้าง ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา
ขอบคุณมากนะคะ
รอมแพง
เรื่องราวที่ดูเหมือนจะต้อง "จบบริบูรณ์" กลับจบไม่ลง เชื่อเหลือเกินว่ายังคงมีหัวข้อให้พูดถึงและติดตามกันต่อไปเร็ว ๆ นี้...
ขอขอบคุณเฟซบุ๊ก : Salaya Sukanivatt, Janyavee Sompreeda