"ษา วรรณษา" เปิดใจถูกโกงเงินน้ำพริก ลำบากต้องขอยืมเงินลูกใช้

ทำอย่างไรถึงไปโดนโกง เล่าหน่อยว่าไปแจ้งความอะไร ?

"หนูไปแจ้งความ เป็นการลงบันทึกประจำวันกับชายหญิงคู่นึง คือ เราไปลงไว้ เพื่อให้เป็นหลักฐาน เรามีความเสียหายแบบไหนอย่างไร แล้วเงินของเรามันสูญหายไปแทนที่จะได้ทั้งเงินที่เราลงทุน และกำไรที่ทำธุรกิจค่ะ ษารู้จักกับเขาทางธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม เหมือนกับว่าเขาหาซีไอโอเป็นดาราประมาณ 9 คน ซึ่งษาก็อยู่ในนั้น ตอนนั้นเขาหาได้ 4 คนค่ะ ษาก็เข้าไปอยู่ พอไปอยู่เสร็จแล้วในเรื่องธุรกิจของเขาก็มีปัญหาภายใน เราเห็นว่ามีปัญหา เราก็เลยช่วยในกลุ่มทีมของเขาว่า ของษาไม่ต้องไปออกข่าว ไม่ต้องไปเปิดตัว จะได้ไม่ต้องใช้เงินเป็นแสนในการเปิดตัว เอาแสนเนี่ยมาทำการตลาดออนไลน์ดีกว่า นี่คือจุดเริ่มต้นที่ช่วยเขา พอช่วยกันไปช่วยกันมาเป็นจังหวะวิกฤตของบ้านเขา ของบ้าน 2 คนนี้ด้วย คุณแม่เขาป่วย เงินจะหมดบ้าง ขับรถกระบะอยู่จะโดนยึด เราก็สงสาร เราช่วยเขาอะไรได้มั้ย  ประกอบกับเขามายืมเงินด้วย"

น้องอาท ลองเล่า เขายืมเงินไปอย่างไร ?

"เริ่มจากยืมไปรักษาคุณแม่เขาทีละ 2-5 หมื่นครับ เราก็ให้ไปไม่ได้คิดอะไร คิดอย่างเดียว ต้องการซื้อชีวิตคน คิดแค่นี้จริง ๆ ครับ คิดให้แม่เขามีชีวิตที่รอดได้ คุณแม่เขาหนักจริงครับ"

 

แล้วเรื่องน้ำพริกที่เป็นเรื่อง ?

"เอาให้แน่ชัด หนูสืบทราบมาว่า มีข้อความบางข้อความที่ออกไปข้างนอกที่ใครคนนึงเล่าออกไป แล้วข้อความนั้นมันเป็นเท็จ พอคนนี้ที่เขาเคยออกบูธกับษา เป็นเพื่อนบูธด้วย เขามาพูดให้ฟัง ษาก็ตกใจ ษาไม่ได้เป็นหลานของป้าแว่น และ ตัวสองสามีภรรยา ตัวภรรยาเขาบอกว่า ตัวภรรยาเป็นหลานแท้ ๆ ของป้าแว่น อันนี้ก็ไม่ใช่ค่ะ เราขอแก้ต่างตรงนี้เลยว่า ษา และเขา ไม่ใช่หล่านป้าแว่นค่ะ ษาไปหาป้าแว่น เพราะเพื่อนของษาจะเอาน้ำพริกออกไปลาวค่ะ แล้วน้ำพริกจะต้องมี อ.ย. ค่ะ เราก็บอกภรรยาเขาว่า ช่วยหาให้หนูหน่อยว่าโรงงานไหนดีที่สุด รับ OEM โรงงานป้าแว่นก็ขึ้นมาที่ 1 แล้วพวกเรา 4 คน เขา 2 คน เรา 2 คน ก็ไปที่โรงงานเลย แล้วก็บอกว่าหนูอยากทำ OEM ป้าแว่นเขาเมตตาพวกหนูมาก ป้าแว่นถามว่าอยากทำอะไร ป้าแว่นบอกว่าพวกหนูขยัน ป้าแว่นสนับสนุน ชอบคนขยัน หนูบอกหนูอยากออกบูธ หนูชอบน้ำพริก อยากขายน้ำพริก ป้าแว่นก็บอกหนูให้ออกบูธ แล้วป้าก็สนับสนุน อยากได้น้ำพริกอะไรแบบไหนบอกได้"

สรุปป้าแว่นเป็นคนผลิต 4 คนไปออกบูธกัน แล้วเงินมันไปไหน ?

"ใช่ค่ะ  หนูเป็นคนลงทุนทั้งหมด เขาลงแรง เขาเอาไปขายหนูก็เอาไปขายด้วยนะ แต่เงินเขาเป็นคนถือค่ะ" มาถึงตรงนี้ อาทเสริมต่อว่า จำนวนเงินทั้งหมด 219,000 บาท  

 

         

เปิดบัญชีใคร ?

"บัญชีเขาค่ะ ด้วยความที่เรายังไม่ได้มีบริษัทขนาดนั้น แล้วน้ำพริกกำลังเริ่มกัน เราก็ด้วยความไว้ใจ เอาตรงนี้ด่าหนูโง่ได้ แล้วให้เขาดูแล เพียงเพื่อว่า เราจะได้ไปทำงานอื่น อันนี้หนูคิดน้อยมาก น้ำพริกขายดี ทุกคนรู้ค่ะ"

ออกบูธแต่ละครั้งได้เท่าไร ?

"วันนึงต้องมีหลักหมื่นต่อวันครับ ออกบูธมาสี่งาน แต่ได้เงินกลับมา 10,200 บาทครับ รู้มั้ย ครับกว่าจะได้ 10,200 บาท ษาจะต้องไปทวงต่อเนื่องหลายวันมาก จนษาบอกว่าเงินทั้งหมดตอนนี้เหลือเท่าไร เขาบอกว่า 10,200 บาท ครับ"

"พอหนูรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ดีที่หนูทำบัญชีกับคุณแม่ ตอนแรกให้เขาทำแล้วมันงงมาก เขาส่งค่ะ มีรายรับ รายจ่าย แต่หนูงง ฯลฯ แต่คุณแม่ดูแล้วรายรับมีอยู่แสนกว่าบาท  เพราะฉะนั้นในบัญชีคุณต้องเหลือแสนกว่าบาท"

"แต่มันพีคกว่านั้นครับ หลังจากที่เขาบริหารน้ำพริกเราไปแล้วระยะหนึ่ง วันนึงเขาเดินมาหาผม เขาบอกว่าภรรยาเขาเอาเงินคุณอาทกับคุณษาไปใช้หมดแล้วนะครับ เอาไปใช้จ่ายส่วนตัว ผมอึ้งจนพูดไม่ออก เราไม่กล้าบอกษาเลยวันนั้นว่าเงินเราไม่เหลือแล้วนะ เลยบอกษาว่าให้เขาไปดูบัญชีดูรายรับรายจ่าย เพื่อให้เขาค่อย ๆ รู้"

ไหนพูดหน่อยอาท ศรีภรรยาโดนกล่าวหาอะไรบ้าง ?

"เราช่วยเขาไม่จริง สิ่งที่เกิดทั้งหมด เราสองคนโกหกทุกคน เขาบอกว่าเรากลั่นแกล้งเขา เรามาออกรายการอย่างนี้ ทำให้เขาไม่มีที่ยืน ทำอะไรก็ลำบาก และเราสองคน ไปปลดเขาออกจากการขายน้ำพริก ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ผิดอะไร เราจะต้องเสียเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วย โดยที่เพื่อนคนอื่นเขายังไม่ได้ถามอะไรเรา โดยที่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไร เราไปกลั่นแกล้งเขาจริงหรือเปล่า เราไปทำอะไรสองผัวเมียนี้ คนรอบข้างผมไม่มีใครมาถามผม แต่เขาเลือกที่จะเชื่อสองผัวเมียนี้ที่ไปพูด จนคนรอบข้างเกลียดเรา คิดจะช่วยสองผัวเมียนี้ คิดว่าถูกเรารังแก"

"หนูอึดอัดใจหลายอย่างที่หนูอยากจะพูด หนูอยากจะพูดให้หมดเลยว่า มันเลวอย่างไร ทำกับเราอย่างไร มันพูดอะไรมาบ้าง จริง ๆ คุณออกมาพูดเถอะ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเราแค่สี่คน พอเกิดปัญหา คุณเอาคนอื่นมาร่วมวงกับเราทั้งหมด คุณแค่เดินมาคุยกับเราว่า คุณจะเอาอย่างไร อย่างน้อยคุณจะต้องสำเหนียกในเรื่องที่เราช่วยคุณเอาไว้ คุณรู้ว่าเราทำอะไรให้คุณบ้าง คุณอย่าคิดว่าเราจะทวงบุญคุณคุณ เราไม่ทวงหรอก ในเมื่อถ้าคุณไปพูดได้ว่าเราคือ ผู้มีพระคุณ คนที่เขารู้ว่าคนนี้เป็นผู้มีพระคุณ เขาจะไม่พูดออกไปแบบไม่ดีกับผู้มีพระคุณค่ะ เพราะถ้าคุณพูดออกไปแบบนี้คือคุณเนรคุณค่ะ"

สุดท้ายในรายการ "ษา วรรณษา" เปิดใจพร้อมน้ำตาอีกว่า “หนูต้องเดินไปหาลูก ขอเงินลูก เงินที่หนูเก็บเงินให้เขาไว้เรียนมหาวิทยาลัย เพราะว่า 4 ปี ต้องใช้เงินประมาณ 4-5 แสน ในเรื่องของโปรแกรมเมอร์ที่เขาต้องเรียน หนูเดินเข้าไปยืมเงิน แล้วบอกลูกว่า แม่ขอยืมเงินก่อนสองแสน เพื่อจะมาต่องานต่อไป” 

 

ที่มา : รายการคนดังนั่งเคลียร์, ขอขอบคุณเฟซบุ๊ก : อาท รณชัย