ก่อนจะไปคุยเรื่องเกรียนคีย์บอร์ด เจ้าตัวพูดถึง “น้องอเล็กซ์” ให้ฟัง
“เป็นคุณแม่มือใหม่มาหนึ่งเดือนพอดี น้องอเล็กซ์เลี้ยงง่ายมาก ร้องอย่างเดียวคือหิว เขาคอแข็งเร็วมาก อันดามารู้ตอนอเล็กซ์เข้าสี่เดือน บุ๋มเอาผลอัลตร้าซาวด์ไปให้ อันดาก็ฮัลโหลคำเดียวแล้วไม่ได้พูดอะไร ส่วนมากคุณพ่อเขาจะดูเป็นส่วนใหญ่ เขาจะหอมจะฟัดของเขาตลอดเวลา จนอเล็กซ์ติดมือก็เพราะพ่อเขานี่แหละ”
เซอร์ไพรส์ที่ท้อง ?
“ช็อกสิ อายุเยอะแล้ว ถามว่าตั้งใจมั้ยก็ตั้งใจ เตรียมฮอร์โมนตัวเองมาสองปี ไปหาคุณหมอเพื่อกินฮอร์โมน ซึ่งหมอจะชัดเจนเลยว่ามีได้ แต่ต้องกินวิตามินนิดนึงต้องบำรุงหน่อย แต่จะติดไม่ติดแล้วแต่โชคชะตา วันที่ติดยังสงสัยอยู่ว่าวัยทองหรือเปล่า เพราะอายุเราเยอะแล้ว คิดว่าฮอร์โมนสวิงเลยโทรหาคุณหมอ บอกว่าคุณหมอประจำเดือนไม่มาต้องกินยาอะไรมั้ย เป็นคนกังวลถ้าประจำเดือนไม่มาเดี๋ยวผิวไม่สวย คุณหมอบอกตรวจครรภ์ก่อนดีกว่า เราก็อะไร 46 แล้ว เขาบอกว่าตรวจไว้ก่อนดีกว่า"
"วันนั้นเดินอยู่ห้างก็ไปร้านขายยาซื้อที่ตรวจครรภ์มาอัน ก็ไปตรวจในห้องน้ำห้างนั่นแหละตอนนั้นอัดวิดีโอไว้ด้วยนะ ขึ้น 2 ขีดไม่ใช่โควิดด้วย ลนลานโทรหาหมอ คุณหมอบอกไปตรวจเพื่อความชัวร์อีกที"
"เหตุผลที่ไม่บอกใคร คือเราไม่รู้ว่าท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างที่สองคือกลัวลูกหลุด พออายุเยอะไข่ที่ไม่สมบูรณ์มันจะหลุดง่าย พอหลุดง่าย ถ้าเสียเขาไปจะได้เสียใจแค่ในครอบครัว อีกอย่างต้องรอตรวจผลโครโมโซม ก็ลุ้นว่าจะยังไง แต่คุยกับหมอเรียบร้อยแล้ว ถ้าน้องไม่สมบูรณ์ น้องมีความผิดปกติ เราจะเอาเขาออก เพราะเราอายุเยอะแล้ว การที่เลี้ยงเขาในภาวะแบบนั้นโดยที่เราตายไปแล้ว เขาน่าสงสารเกินไป เลยขอปิดไว้ก่อนจนกว่าจะรู้ว่าชัวร์หรือไม่ กระทั่งผลออกมาว่าน้องแข็งแรง 99% ด้วยคุณแม่วัย 46 อีก 1% ที่เหลือมันลุ้น มันยังเครียดอยู่เลยปิดไว้ก่อนดีกว่า แต่ก็มานั่งคิดว่า ถ้าเราระวังมากเกินไป เราจะเครียดเกินไป ก็เลยใช้ชีวิตตามปกติ"
วินาทีที่เห็นหน้าลูก "คุณพ่อ-คุณแม่" เป็นยังไงบ้าง ?
“ตอนที่เขาออกมา สิ่งแรกที่ถามคุณพ่อเขาคือครบ 32 มั้ย เขาบอกเท่าที่ดูครบ ผิวเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ เพราะในอัลตร้าซาวด์ไม่เห็นสีผิว เขาบอกเหมือนคุณนะ”
อะไรที่ทำให้ตัดสินใจว่าคนนี้แหละ ?
“เนื่องจากเขาไม่ค่อยพูดอะไรหวานๆ แล้วไม่ได้รุกอะไรมาก เลยอยากทดสอบว่าตกลงมายังไง มีอยู่ครั้งบุ๋มไปทำงานเชียงใหม่ เลยคุยกัน ถามว่ามามั้ย มาจริงๆ บินจากภูเก็ตตรงขึ้นเชียงใหม่ หลังจากวันนั้นเลยคบกันเลย ก็เลยถามเขาว่า พี่ค่ะ หนูยังมีโอกาสเลือกมั้ย เรียกตัวเองว่า หนูเพราะเขาอายุเยอะกว่า เขาบอกไม่มีแล้ว เราเป็นพวกเชื่อคนง่ายไง เขาบอกไม่มีแล้วก็เลยไม่ได้เลือกใคร ตอนขอแต่งงานไม่มีอะไรเลย อยู่บนรถ แล้วเขาพูดแค่ว่า ถ้าจะคบกันจริงจัง ถ้าคบแล้วต้องมีลูกนะ ไม่ได้พูดเรื่องแต่งงาน จะเอาลูกอย่างเดียว เห็นฉันเป็นแม่พันธุ์อย่างเดียวเลย”
มีบางคอมเมนต์แรงมาก อันไหนที่กระทบใจ รู้สึกปรี๊ดแตก ?
“ถ้าขนาดปรี๊ดแตกไม่มีนะ เราอยู่ตรงนี้เราแกร่งพอ แต่บุ๋มแค่รู้สึกว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ท้อง แล้วไปเจอคำพูดพวกนี้ บุ๋มว่ามันไม่ดีกับเขาเลย กระทบกระเทือนจิตใจแม่มากเลย ด่าว่า เคอรี่ ทำตัวเป็นเคอรี่มาก ทำตัวสำส่อนมาก สำส่อนตรงไหนฉันมีลูกกับผัวตัวเอง เลยงงทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนั้น แล้วเราแต่งงานครั้งนี้ โอเคบุ๋มแต่งงานเป็นครั้งที่สาม เขาก็เขียนว่าต่อไปก็ต้องมีผัวคนที่สี่ แล้วไงอ่ะ รู้สึกว่าการเป็นดาราก็ไม่ใช่ว่าจะโดนใครดูถูกกันอย่างนี้นะ เราเป็นคนเหมือนกัน อีกอย่างบุ๋มไม่ได้ทำอะไรผิด บุ๋มแค่มีลูกกับผัวตัวเอง การมีลูกมันควรจะเป็นโมเมนต์ดีๆ ของแม่คนหนึ่ง ไม่ใช่จะมาเป็นดราม่าขนาดนี้ แล้วดราม่าหนักมาก คืนนั้นในโซเชียลกระหน่ำบุ๋มหนักมาก ต้องมีคำด่าเกิดขึ้นบวกกับคำว่ายินดี"
"เลยรู้สึกทำไมการแสดงความยินดีมันยากตรงไหน บุ๋มเองเป็นโรคขี้สงสารแล้วชอบให้อภัย ที่ผ่านมาโดนมาก็ให้อภัยหมด ไม่เคยได้ฟ้องใครเลย รอบนี้ทีมงานทุกคน คนรอบตัวบุ๋มโทรมา พี่ๆ ในวงการบุ๋มไม่เคยเจอพี่ๆ ในวงการโทรมาเยอะขนาดนี้มาก่อน บอกบุ๋มอย่ายอมต้องฟ้อง กลายเป็นว่า ทีมทนายขององค์กรทำดีจัดการฟ้องเรียบร้อยแล้ว รู้สึกทีมงานแจ้งไปคนละ 1 ล้านบาท บางคนเขาส่งคลิปขอโทษมาบ้างแล้ว แต่ทีมงานไม่ยอมส่งให้บุ๋ม กลัวบุ๋มใจอ่อน”
ที่มา : รายการคุยแซ่บShow