นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึง ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,604.44 จุด ลบ 13.76 จุด หรือ -0.85 % โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,621.54 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,597.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58,700.96 ล้านบาทว่า
ตลาดหุ้นไทยปิดร่วงตามตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ที่ส่วนใหญ่ปิดแดงยกแผง หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คงระดับดอกเบี้ยติดลบ 0.1% พร้อมการประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25%
ซึ่งถือเป็นมาตรการที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด หลังจากที่บีโอเจ รักษาจุดยืนในการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ มาเป็นเวลานานส่งผลให้ค่าเงินเยนพุ่งกว่า 2%
นอกจากนี้ตัวเลข PMI ของจีนอยู่ที่ระดับ 48 ถือว่าอยู่ระดับต่ำกว่า 50 ถือว่าขยายตัวยังไม่เต็มที่ ขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียหรือเอดีบี ปรับลดจีดีพีจีนปีนี้ จาก 3.3% เหลือ 3% และปี 66 จาก 4.5% เหลือ 4.3%
สำหรับหุ้นที่กดตลาดวันนี้ เช่น DELTA 3.5% SCGP 2.2% OR 2.5% BJC 2.9% เป็นต้น ด้านมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่า ต่างประเทศขายสุทธิ 1,737.29 ล้านบาทสถาบันขายสุทธิ 535.20 ล้านบาทบัญชีบล.ขายสุทธิ 106.82 ล้านบาทในประเทศซื้อสุทธิ 2,379.32 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามที่เหลือของสัปดาห์นี้คือตัวเลขการส่งออกของไทยคาดว่าจะชะลอตัวลงติดลบ 5.65%YOY นำเข้าติดลบ 1.7% YOY
นอกจากนี้การที่ครม.อนุมัติโครงการช้อปดีมีคืน วงเงิน 40,000 บาท ตั้งแต่ม.ค. -15 ก.พ. หนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีกให้มียอดขายสูงขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ก็ต้องระวังปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้มองว่าหุ้นไทยยังซึม เพราะเป็นช่วงปลายปีวอลลุ่มการซื้อขายเบาบาง ประเมินกรอบเคลื่อนไหววันพรุ่งนี้ที่ 1,585-1,615 จุด เน้นลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพา นำโดย COM7 ,CRC และ AOT