ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงปี 66 'การแพทย์-อีคอมเมิร์ซ' มาแรง

อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ธนวรรธน์ พลวิชัย ระบุ สถาบันยุทธศาสตร์การค้าจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงปี 2566 โดยได้นำยอดขาย ต้นทุน กำไรสุทธิ ผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยง ภาวะการแข่งขัน และแนวโน้มความต้องการ ความสอดคล้องกับกระแสนิยมเป็นปัจจัยในการพิจารณาและให้คะแนน สำหรับธุรกิจเด่น ได้แก่ อันดับ 1 ธุรกิจการแพทย์และความงาม ปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้ความต้องการใช้บริการด้าน การแพทย์เพิ่มสูงขึ้น อันดับที่ 2 ธุรกิจ e-commerce ที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจัยสนับสนุนมาจากผู้บริโภคมีพฤติกรรมปรับลดการใช้จ่ายผ่านหน้าร้านมาเป็นการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถซื้อขายได้ ตลอด 24 ชม.มากขึ้น

อันดับที่ 3 Social Media และ Online Entertainment ธุรกิจด้าน fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี งานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า ธุรกิจ event อันดับ 4 ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ youtuber การรีวิวสินค้า และ influencer ธุรกิจโฆษณาและสื่อออนไลน์ อันดับ 5 ธุรกิจแพลตฟอร์มตัวกลางหรือตลาดกลางด้าน อิเล็กทรอนิกส์

ส่วนอันดับ 6-10 ได้แก่ ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต ธุรกิจบันเทิงยามค่าคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจ Modern Trade/ร้านค้าปลีก

สมัยใหม่ ธุรกิจโลจิสติกส์ delivery และคลังสินค้า ธุรกิจตู้ยอดเหรียญ เช่น น้า เครื่องซักผ้า อาหาร ธุรกิจ e-sport และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอาหารเสริม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจความเชื่อ ธุรกิจบันเทิง เช่น ละครหนังซีรีย์ Y และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ใบกระท่อม

สำหรับ 10 อันดับธุรกิจดาวร่วง เป็นธุรกิจที่ไม่ใช้นวัตกรรม ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีหรือไม่สามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนได้ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามยุคสมัย ได้แก่ ธุรกิจฟอกย้อม ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ และวารสาร หนังสือพิมพ์ที่เป็นรูปแบบกระดาษธุรกิจรับส่งสื่อสิ่งพิมพ์ตามบ้านและสถานที่ทำงาน ธุรกิจโรงพิมพ์ การพิมพ์ เช่น หนังสือ แผ่นพับ ธุรกิจคนกลาง ร้านขายหนังสือ ธุรกิจเครื่องปั้นดินเผา และเซรามิก ธุรกิจร้านถ่ายรูป ธุรกิจหัตถกรรม ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไร้ฝีมือ หรือเสื้อผ้าโหล ธุรกิจคลิปโต โรงเรียนเอกชน และธุรกิจร้านโชห่วย

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 มาจากการแพร่ระบาดโควิดมีทิศทางดีขึ้น และประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง รวมถึงการปรับโรคโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่น การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ยุโรป มาเลเซียและอินเดีย และอาจได้รับแรงหนุน เพิ่มเติมจากนักท่องเที่ยวจีนหากจีนผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด แรงขับเคลื่อนจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว การเลือกตั้งในปีหน้า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนกิจกรรมในต่างจังหวัด และผลจากการประชุมเอเปคก่อให้เกิดประโยชน์ในมิติการค้า การลงทุนในระยะ ยาว และยังสะท้อนให้เห็นถึง Soft Power ของธุรกิจท้องถิ่นไทย

ส่วนปัจจัยบั่นทอนมาจากการกลับมาแพร่ระบาดซ้ำอีกครั้งจากการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ รวมถึงจะมีผลต่อภาระการกู้ยืมเงินของภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้คนมีเงินเหลือจับจ่ายใช้สอยน้อยลง สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ กระทบซัพพลายเชนโลก เกิดปัญหาการขาด แคลนเซมิคอนดักเตอร์และวัตถุดิบที่มีราคาผันผวน ปัญหาค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ภาวะการส่งออกไทยมีแนวโน้มชะลอตัว ตามสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอลงชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลักของไทยที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความไม่แน่นอนและความตึงเครียดทางการเมืองอาจกระทบต่อความต่อเนื่องใน การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ