นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยกับ Nation Online ว่า การลงทุนทองคำ แนะเก็งกำไรระยะสั้น เมื่อราคาปรับตัวขึ้นให้ทยอยนำทองออกขายทำกำไรออกไปก่อน และเมื่อราคาย่อยตัวค่อยกลับมาซื้อใหม่ เพื่อเป็นการเล่นรอบ
ทั้งนี้เนื่องจากช่วงนี้ตลาดการเงินผันผวน หุ้น ทอง ลงแรง คนกลับไปถือเงินสด เนื่องจากกลัวว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวทำให้คนตกใจ แต่เชื่อว่าเมื่อหายตกใจแล้วก็จะกลับเข้ามาลงทุนหุ้น ทองเหมือนเดิม โดยเฉพาะทองคำจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น
สำหรับราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าพักฐาน หลังธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดยังเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีหน้า เพื่อคุมเงินเฟ้อ เป็นปัจจัยให้ทองทำถูกเทขาย
โดยปัจจัยที่ติดตามคือตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย ยอดขายบ้านมือ 2 ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ประมาณการณ์จีดีพีครั้งที่ 3 ว่าจะชะลอลงหรือไม่ ถ้าชะลอตัวลงก็เป็นปัจจัยบวกกับทองคำ แต่ถ้าตรงกันข้ามดีกว่าคาดก็จะเป็นปัจจัยกดดัน
นอกจากนี้ในสัปดาห์นี้มีผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ คาดว่าจะตรึงดอกเบี้ยไว้เหมือนเดิม โดยญี่ปุ่นยังใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายทำให้เงินเยนอ่อนค่า และกดทองคำ รวมถึงความตึงเครียดระหว่างประเทศ ทั้งสหรัฐฯ -รัสเซีย และสหรัฐฯ -จีน
ทั้งนี้เห็นว่าความผันผวนของตลาดเงินยังปรับตัวสูงขึ้นทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์ เพื่อความปลอดภัยทำให้สกุลเงินอื่นในภูมิภาคอ่อนค่า
อย่างไรก็ตาม คาดว่าทองคำจะอ่อนตัวในช่วงสั้นประเมินแนวรับที่ 1,765 ดอลลาร์สหรัฐต่ออออนซ์ (Gold Spot นิวยอร์ก) ส่งผลให้ราคาทองแท่งอยู่ที่ 29,250 บาท
ซึ่งหากไม่หลุดแนวรับนี้ให้ซื้อต่อ แต่ถ้าหลุดราคาทองคำอาจล่วงลึกให้เข้าซื้อเมื่อราคาลงมาอยู่ที่ 1,729-1,747 ดอลลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองแท่งเฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 28,800-28,950 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,808-1,824 ดอลลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองแท่งเฉลี่ยอยู่ที่ 29,95-30,250 บาท