ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส. ชี้ หากไร้มาตรรัฐช่วยเหลือ ปี66 ยอดซื้อบ้านลด19%

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์  กล่าวว่า ดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มที่อยู่อาศัย ไตรมาส 3 ของปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 93.0 เป็นการปรับตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 30.4%

โดยภาพรวม ตลาดที่อยู่อาศัย ทุกประเภท ขยายตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี และ คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี จะยิ่งคึกคักมากขึ้นอีกจาการผ่อนคลาย ของมาตรการโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว  รวมถึงมาตราการ ผ่อนปรนอัตราส่วนการให้สินเชื่อ ซื้อบ้านโดยเทียบกับมูลค่า (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ให้สถาบันการเงิน ปล่อยวงเงินสินเชื่อบ้าน ให้แก่ลูกค้า100% ซึ่งกำลังจะหมดเขตในสิ้นปีนี้ จึงมีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ และ การซื้อบ้าน ทั้งบ้านใหม่ และ บ้านมือสองเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า คาดว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ ที่อยู่อาศัย ทั่วประเทศ ลดลง 19.2% / คิดเป็นมูลค่าลดลง 11.7% และจำนวนสินเชื่อปล่อยใหม่ลดลงประมาณ 25,000 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีนี้  แต่หากธนาคารแห่งประเทศไทย ต่ออายุมาตรการผ่อนปรน LTV ไปอีก 1 ปี ก็จะทำตัวเลขพลิกกลับมาเป็นบวก  โดย คาดว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ ที่อยู่อาศัย ทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น 5% / คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น7.3%

นายวิชัย กล่าวอีกว่า จากภาวะหนี้ครัวเรือน ที่ยังอยู่ในระดับสูง ถึงประมาณ 90% ของ จีดีพี ทำให้สถาบันการเงินยังคง พิจารณาให้สินเชื่อตามเกณฑ์ ที่เข้มงวด กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ถึง ปานกลาง จึงเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น รวมทั้ง อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น จะมีผลทำให้ราคาที่อยู่อาศัย ในปีหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก

“ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ที่เกี่ยวกับ การลดค่าธรรมเนียม การโอนฯ และ ค่าจดจำนอง ว่าจะมีต่อหรือไม่ รวมทั้งหากเปลี่ยนเงื่อนไข ขยายเพดานการซื้อบ้าน จากเดิมมูลค่า 3 ล้านบาท เป็น 5 ล้าน ก็จะยิ่งส่งผลดี ต่อตลาด ที่อยู่อาศัยเนื่องจาก ราคาบ้าน มีแนวโน้มสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังหวังว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย จะทบทวน การผ่อนปรนมาตรการ LTV ให้ขยายออกไปอีก 1 ปี เพื่อกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นกัน"