18 ตุลาคม 2565 แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี การพิจารณา รวมกิจการทรู - ดีแทค ล่าช้า จนสร้างความเสียหาย แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยทรูและดีแทคว่า แม้จะมีการฟ้องร้องถึงความล่าช้า แต่ก็ยังมีประเด็นให้ กสทช. ได้เลื่อนการพิจารณา และลงมติการ ควบรวมทรู-ดีแทค จากวันที่ 12 ต.ค. 65 ไปเป็นวันที่ 20 ต.ค. 65
โดยมีรายงานว่า กรรมการ กสทช. จำนวน 3 คน ไม่ลงมติ (ดร.พิรงรอง รามสูต , ดร.ศุภัช ศุภชลาสัย และพลอากาศโทธนพันธุ์ หร่ายเจริญ) ซึ่งได้ให้เหตุผล ต้องการรอรายงานผลการศึกษา จากที่ปรึกษาอิสระต่างประเทศ ที่จะส่งมาให้ในวันที่ 14 ต.ค. 65 แต่ปรากฎว่า รายงานผลการศึกษาดังกล่าว ได้หลุดออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. 65 เรื่อยมา จึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกต และเกิดความสงสัยจากสังคม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "ศิริกัญญา" จี้ กสทช. เปิดรายงานผลการศึกษากรณีควบรวมทรู - ดีแทค
ตัวแทนผู้ใช้ทรู - ดีแทค ร้อง กสทช. เร่งควบรวม ยันข้อดีเป็นประโยชน์ผู้บริโภค
'ทรู-ดีแทค' บุก กสทช. เร่งเคาะดีลควบรวม
ทั้งนี้ เมื่อได้ค้นหาสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับบริษัทที่ปรึกษาอิสระรายนี้ รวมถึงการกระบวนการว่าจ้าง ที่ปรึกษาอิสระจากต่างประเทศดังกล่าว ซึ่งเป็นรายใหม่เพิ่มเติม จากเดิมที่สังคมทั่วไปทราบเพียงว่า มีการแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นที่ปรึกษาอิสระ ตามประกาศการรวมธุรกิจ ปี 2561 และ กสทช. ได้แต่งตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาอิสระเพิ่มเติม เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากการรวมธุรกิจ
โดยพบว่า การแต่งตั้งที่ปรึกษาอิสระรายนี้ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาต่างประเทศ อาจจะไม่เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ของระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ซึ่งระบุว่า กสทช. ต้องจ้างที่ปรึกษาฯ ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษา ก.การคลัง แต่ที่ปรึกษารายนี้ มีสำนักงานจดทะเบียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จากข้อมูลพบว่า พนักงานเพียง 1 คน จึงไม่น่าจะมีคนไทยร่วมงานด้วย แสดงให้เห็นว่า ที่ปรึกษารายนี้ ไม่มีคุณสมบัติและประสบการณ์ ตามที่กำหนดใน TOR และไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ที่จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอิสระ ในการวิเคราะห์และให้ความเห็น ในการรวมธุรกิจครั้งนี้ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท
“จากการตรวจสอบพบด้วยว่า บริษัทที่ปรึกษานี้ เป็นบริษัทต่างประเทศ ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการคนต่างด้าว และไม่ได้เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจการ เป็นที่ปรึกษาในกิจการโทรคมนาคม แต่ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์ และมีทรัพย์สิน (asset) คิดเป็นเงินไทยแค่ประมาณ 1 ล้านบาท รวมทั้งไม่พบว่า มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ เกี่ยวกับการรวมธุรกิจในกิจการ มีเจ้าของบริษัทมีเพียง 1 ราย และ ผู้บริหารมีเพียง 1 ราย เท่านั้น อีกทั้งไม่มีประสบการณ์ของบริษัท ด้านโทรคมนาคมในต่างประเทศ จะเข้าข่ายเงื่อนไขของ กสทช. หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวคนเดิม ยังได้ตั้งข้อสังเกต ถึงกระบวนการคัดเลือก ที่มาและประสบการณ์ของที่ปรึกษาด้วยว่า เหตุใด กสทช. ไม่คำนึงถึงกรอบเวลาตามกฎหมาย จนอาจเกิดความเสียหาย การที่ กสทช. มีมติเห็นชอบ การจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศรายนี้ ในวงเงิน 10 ล้านบาท ตั้งแต่ 27 เมษายน 2565 และทำสัญญาจ้างเมื่อ 15 สิงหาคม 2565 ในวงเงิน 6 ล้านกว่าบาท ใช้เวลาเกือบ 4 เดือน เป็นการดึงเวลาให้ล่าช้าหรือไม่ ในการดำเนินการจ้าง ส่งรายงานครั้งที่ 1 ไปแล้วเมื่อ 15 กันยายน 2565 ครั้งที่ 2 เมื่อ 15 ตุลาคม 2565
ซึ่งปรากฏว่า มีมือดีปล่อยเอกสารรายงานครั้งที่ 2 ที่เป็นข้อมูลลับทางราชการ หลุดออกมาสู่สาธารณะ ทั้งนี้มีกำหนดส่งรายงานฉบับสุดท้าย ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 จึงเป็นที่น่าติดตามต่อไปว่า กสทช. จะเล่นบทบาทอย่างไรในวันที่ 20 ตุลาคม นี้ ที่ กสทช. ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาการควบรวมกิจการทรู - ดีแทค หลังจากที่ประกาศเลื่อนเมื่อ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผล รอรายงานผลการศึกษา ของที่ปรึกษาอิสระจากต่างประเทศ ทั้งที่ข้อเท็จจริง มีทั้งที่ปรึกษาเดิม และมีความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกอบการพิจารณาตัดสินใจอย่างครบถ้วน เพียงพอต่อการลงมติ ไม่มีเหตุให้ต้องยื้อหรือถ่วงเวลาการพิจารณาลงมติออกไปอีก