
ผู้สื่อข่าวรายงาน ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา ราคาก๊าซหุงต้มถังละ 15 กิโลกรัม ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 393 บาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 378 บาท ยังไม่นับรวมค่าขนส่งบริการ ส่วนวันพรุ่งนี้ 1 ก.ย. 65 ก๊าซหุงต้ม หรือ LPG จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 15 บาทจากเดิม 378 บาท เป็น 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งยังไม่นับรวมค่าขนส่งบริการ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการปรับขึ้นราคา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการปรับขึ้นราคา 1 บาทใน 3 ยี่ห้อคือ มาม่า, ไวไว และ ยำยำ
- การคิดค่า FT ช่วงเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2565 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 236.97 สตางค์ต่อหน่วย ไม่รวมที่ กฟผ. รับภาระต้นทุนแทนผู้ใช้ไฟฟ้า ประมาณ 83,010 ล้านบาท
- การบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กกพ. ปรับเพิ่มค่า FT เพียง 68.66 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นค่า FT ทั้งสิ้น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ระบุว่า ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ ค่า Ft ในรอบเดือน ก.ย. – ธ.ค. 65 จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 68.66 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นค่าเอฟทีที่ต้องจ่าย 93.43 บาทต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฐานเฉลี่ย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 65 เป็นต้นไป
กบง. เคาะขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีก 1 บาทต่อกิโลกรัม 3 เดือนรวด ทำราคาพุ่งแตะ 408 ต่อถัง 15 กิโลกรัม หลังอั้นไม่ไหวกองทุนน้ำมันติดลบแตะแสนล้านบาท ชี้ต้นทุนแท้จริงค่าก๊าซอยู่ที่ถังละ 460 บาท
โดยทีมข่าวเนชั่นออนไลน์ ย้อนดูการปรับขึ้นราคา อ้างอิงข้อมูลในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นเป็น 378 บาทต่อถัง 15 กก. เดือนสิงหาคมปรับขึ้นเป็น 393 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม และเดือนกันยายนเป็น 408 บาทต่อถัง 15 กก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 363 บาท เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังอุดหนุนอยู่ ซึ่งตอนนี้บัญชี LPG ติดลบอยู่สูงถึง 36,515 ล้านบาท พร้อมย้ำว่าแม้จะทยอยปรับขึ้น แต่หากเทียบกับราคาปัจจุบัน ต้นทุนจริงของ LPG อยู่ที่ประมาณ 460 บาทต่อถัง 15 กก.
ขณะที่มาตรการบรรเทาผลกระทบราคาเชื้อเพลิง กบง.ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม แก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีก 3 เดือน ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565 จากการใช้งบกลาง ลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มให้ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีก 55 บาทต่อคน ต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565 สำหรับผู้ใช้สิทธิ 4,000,000 ราย รวมเงินงบประมาณ 220,000,000 บาท
นอกจากนี้ ยังขยายมาตรการช่วยเหลือราคาก๊าซ NGV ขอความอนุเคราะห์จาก ปตท.ให้คงราคาขายปลีก NGV ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV โครงการเอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน ให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 15 กันยายน 2565 พร้อมกับคงการขอคงค่าการตลาด 1.40 บาทต่อลิตร และคงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล 3 เดือน
ผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจ ลงพื้นที่สำรวจ "ราคาก๊าซหุงต้ม" ในเขตพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา พบว่า ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มเตรียมปรับขึ้นราคาหลังจากที่ กระทรวงพลังงาน มีมติปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นอีกกิโลกรัมละ 1 บาท โดยที่มีการเริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา
"ราคาก๊าซหุงต้ม" ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ล่าสุด
ถัง 7 กิโลกรัม ราคาเฉลี่ยถังละ 245 - 255 บาท
ถัง 11.5 กิโลกรัม ราคาเฉลี่ยถังละ 365 - 380 บาท
ถัง 13.5 กิโลกรัม ราคาเฉลี่ยถังละ 415 - 430 บาท
ถัง 15 กิโลกรัม ราคาเฉลี่ยถังละ 425 - 440 บาท
ถัง 48 กิโลกรัม ราคาเฉลี่ยถังละ 1,313 - 1,330 บาท
ซึ่งจากการจ่อปรับ "ราคาก๊าซหุงต้ม" ในครั้งนี้ทำให้ผู้จำหน่ายก๊าซหุงต้มได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
จากการสอบถาม นายบัณฑิต อายุ 53 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้ม เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวการปรับขึ้นราคาของก๊าซหุงต้มในครั้งนี้ ตนก็เตรียมตัวโดยแจ้งกับลูกค้าประจำบางรายถึงการปรับราคาในครั้งนี้ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่บอกกับตนว่าชินแล้วเพราะทุกวันนี้อะไรก็แพง ตนจึงอยากฝากไปยังรัฐบาลว่าการปรับราคาของก๊าซหุงต้มในครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายเพราะประชาชนเดือดร้อนเหลือเกิน สำหรับการเตรียมปรับราคาก๊าซหุงต้มในครั้งนี้ นอกจากนะส่งผลกระทบกับผู้จำหน่ายแล้วยังส่งผลกระทบไปยังผู้ประกอบการร้านอาหารอีกด้วย
ทางด้าน น.ส.รวีพร อายุ 40 ปี เจ้าของร้านข้าวแกง เปิดเผยว่า ที่ร้านของตนใช้ก๊าซหุงต้มวันละถังโดยใช้ถังละ 15 กิโลกรัม ซึ่งใช้ในการทำข้าวแกงและข้าวต้มหัวปลา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก๊าซหุงต้มก็มีการปรับขึ้นราคามาทุกเดือน ตนถือว่ายังโชคดีที่ยังซื้อก๊าซหุงต้มได้ในราคาถูกกว่าคนอื่นเพราะเป็นลูกค้าประจำของทางร้าน
อยากฝากไปยังรัฐบาลอยากให้ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ เพราะนอกจากก๊าซหุงต้มที่เป็นสินค้าที่ประชาชนต้องใช้ประจำแล้ว ยังมีมีสินค้าอุปโภคบริโภคแทบทุกชนิดที่มีราคาแพง ซึ่งสวนทางกับรายได้ของประชาชนที่ยังคงเท่าเดิม