
กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ เนชั่นทีวี และสปริงนิวส์ จัดงานสัมมนา Health & Wealth Forum : สร้างสุขก่อนสูงวัย อยู่ดี สุขภาพดี การเงินดี โดยในช่วงนวัตกรรม การเงินดี ได้ 2 กูรูการเงิน มาให้มุมมองการออมเงินรับวัยเกษียณ
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ขณะนี้เราได้เข้าสู่สังคมสูงวัย โดยอายุการเกษียณจะอยู่ที่ 60 ปี เป็นการกำหนดอายุของคนเกษียณในสมัยก่อน ซึ่งส่วนใหญ่อายุเฉลี่ยของคนไทยไม่ถึง 60 ปี ซึ่งการกำหนดเกษียณอายุ 60 ปี ของคนไทยในขณะนั้นจึงเหมาะสม แต่ตอนนี้ อายุเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้น หรือเฉลี่ยที่ 75-80 ปี ดังนั้น อายุเกษียณของคนจะยืนยาวขึ้น ซึ่งการเกษียณอายุที่มีคุณภาพต้องมีเงิน สุขภาพที่ดีและสังคมที่ดี
โดยในด้านการเงินที่ดีนั้น เมื่อเกษียณของคนมีมากขึ้น เราก็จำเป็นต้องมีเงินออมที่มากขึ้น ถ้าดูจากข้อมูลการเกษียณอายุที่ 60 ปี จะต้องทำงานกันต่ออีก 20-25 ปี เพราะเงินไม่พอ เนื่องจาก อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ 75-80 ปี หากไม่มีเงินออมชีวิตวัยเกษียณจะลำบาก ฉะนั้น จึงอยากกระตุ้นให้ทุกคนเลือกที่จะออมยาวๆ
“อยากสร้างความเข้าใจว่า การออมเพื่อวัยเกษียณเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อท่านเกษียณ คนที่ดูแลท่านไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวท่านเอง ในชีวิตปัจจุบันจะต้องสะสมเงิน การออมให้มากก่อนวัยเกษียณ จะมี 3 ปัจจัยหลัก คือ ออมยาวๆ, ออมมากขึ้นแบบทบต้น และ ต้องออมผ่านการลงทุนด้วย”
แนะ “เริ่มออมทันที” เดือนละพัน
นายวิทัย กล่าวว่า ส่วนตัวเคยคุยกับรุ่นน้องเรื่องการออม ตอนนั้นอายุ 35 ปี ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ผ่านมาตอนนี้ อายุเกือบ 50 ปี ไม่มีเงินเก็บ กลับมาถามว่า จะเก็บเงินทันไหม ก็ตอบว่า ถ้าจะอยู่ถึง 80 ปี การเก็บออมแบบสบายๆไม่ทันแล้ว ตามทฤษฎี คือ ต้องออมทันที แต่ชีวิตจริงทำไม่ได้ ต้องผ่อนบ้าน รถ คอนโด แต่ก็อยากให้ออมเร็วที่สุด หรือประมาณ 10% ของเงินเดือน
“ถ้าออม 1 พันบาท ทุกเดือน ผลตอบแทนเฉลี่ย 2% ถ้าเริ่มออมตอนอายุ 50 ปี อีก 10 ปี จะมีเงินแสนกว่าบาท ถ้าออมยาว 25 ปี เริ่มอายุ 35 ปี จะมีเงินมากขึ้น และถ้าเปลี่ยนจาก 1 พันบาท เป็น 5 พันบาท ทบไปเรื่อยๆ จะมีเงินเกือบ 2 ล้านบาท และถ้าลงทุนด้วย จะมีเงินเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่า การออมแบบทบต้น ระยะการออมที่นานขึ้น รวมถึง การลงทุนที่ดี จะมีผลต่อเงินออมมากขึ้น”
ทั้งนี้ มีคำถามโลกแตกว่า เกษียณจะต้องมีเงินเท่าไหร่ ซึ่งตอบยาก แต่ทางทฤษฎี เขาจะดูเงินเดือนเดือนสุดท้าย ซึ่งต้องมีราว 50-70% ของเงินเดือน และต้องรู้ว่า เราจะต้องใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ คิดง่ายๆ คูณไปอีก 20-25 ปี ทั้งนี้ สมัยก่อนเราจะต้องใช้เงินประมาณ 4 ล้านบาท , 7 ล้านบาท และ 9 ล้านบาท แต่ตอนนี้ จะต้องมีเงินประมาณ 6 ล้านบาท, 9 ล้านบาท และ 12 ล้านบาท นี่ยังไม่นับรวมเงินเฟ้อ ถ้ามีไม่ถึงวัยเกษียณก็จะลำบาก
สำหรับธนาคารออมสินนั้น ได้เตรียมผลิตภัณฑ์เพื่อการออมวัยเกษียณให้แก่ลูกค้า ทั้งการลงทุนในเงินฝากเพื่อวัยเกษียณ การประกันแบบบำนาญ และการทำReverse Mortgage เป็นต้น
บลจ.กสิกรไทย ชี้เงินออม 4-9 ล้าน พอใช้หลังเกษียณ
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การออมเพื่อรองรับวัยเกษียณอย่างสุขสบาย ภายใต้สมติฐาน ปัจจุบัน 20,000 บาทต่อเดือน เงินเฟ้อที่ 3% ผลตอบแทนการลงทุน 5% อายุเกษียณ 60ปี และยังมีชีวิตอยู่จนถึง 75 ปี เราพบว่าจะต้องมีเงินไว้ใช้หลังเกษียณระดับ 4.2-8.9 ล้านบาท
ทั้งนี้หากสามารถเริ่มเก็บออม เมื่ออายุยังน้อยได้ ยิ่งดี เพราะเงินออมต่อเดือนยังไม่สูงมาก มีระยะเวลาเก็บออมมากกว่าและการลงทุนรับความเสี่ยงได้มากกว่า เมื่อเทียบกับมาเริ่มเก็บออมเมื่ออายุมากขึ้น
สำหรับโมเดลเริ่มออม 4 ช่วงอายุ พบว่า เริ่มออมอายุ 50 ปี ค่าใช้จ่ายรวมเงินเฟ้อที่ 27,000 บาทต่อเดือน จะต้องมีเงินออมไว้ตอนเกษียณ 4.2 ล้านบาท ต้องออมเงินเฉลี่ย 27,600 บาทต่อเดือน ,เริ่มออมอายุ 40 ปี มีค่าใช้จ่ายรวมเงินเฟ้อ 36,000 บาทต่อเดือน จะต้องมีเงินออมไว้ตอนเกษียณ 5.6 ล้านบาท ต้องออมเงินเฉลี่ย 14,000บาทต่อเดือน
ขณะที่เริ่มอายุ30 ปี มีค่าใช้จ่ายรวมเงินเฟ้อ 48,000 บาทต่อเดือน จะต้องมีเงินอมไว้ตอนเกษียณ 7.5 ล้านบาท ต้องออมเงินเฉลี่ย 9,400 บาทต่อเดือน และเริ่มอายุ 20 ปี มีค่าใช้จ่ายรวมเงินเฟ้อ 56,000 บาทต่อเดือน จะต้องมีเงินอมไว้ตอนเกษียณ 8.7 ล้านบาท ต้องออมเงินเฉลี่ย 8,000 บาทต่อเดือน หรือหากมีเงินเดือน 15,000 บาทต่อเดือน เงินเดือนปรับเพิ่มขึ้นต่อปี 7% ,เงินเฟ้อ 3% ลงทุนผลตอบแทน 5 % ควรเริ่มเก็บออมรองรับวัยเกษียสัดส่วน 20% ของเงินเดือน
แนะจัดพอร์ตกระจายหุ้นทั่วโลก ชูยิลด์ 5-7%
นายวศิน กล่าวว่า การลงทุนบรรลุเป้าหมายเพื่อการเกษียณดังกล่าว แนะจัดพอร์ตการลงทุน สร้างผลตอบแทน 5-7% ต่อปี ลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ กระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ทั้งหุ้นสหรัฐ ,หุ้นจีน และหุ้นไทย เพราะดัชนี MSCI WORLD ย้อนหลัง 10 ปีให้ผลตอบแทนที่ดี 5- 7% ต่อปีขึ้นไป
โดยกองทุนที่ บลจ.กสิกรไทย บริหารจัดการมีการกระจายการลงทุนหุ้นทั่วโลก เช่น พอร์ตการลงทุน K-GINCOME-A(R) มีสัดส่วนการลงทุน ตราสารหนี้ 41 %ตราสารทุน 59% ผลตอบแทนเฉลี่ย 3-5% ต่อปี หรือการลงทุนในกองทุนกลุ่ม K-FIT คัดสรรกองทุนหลากหลายสินทรัพย์คุณภาพทั่วโลก ลงทุนตราสารหนี้ 53%ตราสารทุน 55% ทางเลือก 10% และพอร์ตการลงทุน K-MYFUND ที่ผู้ลงทุนเรียนรู้และจัดพอร์ตลงทุนได้ดัวยตัวเอง มีกองทุนเป็นตัวเปรียบเทียบ สร้างผลตอบแทนมุ่งหวังระดับ 7% ขึ้นไป
"หากอยากเริ่มลงทุนในวันนี้ แนะว่า ก่อนเริ่มลงทุน ต้องมีประกันคุ้มครองชีวิตและสุขภาพรวมถึงมีเงินเก็บฉุกเฉินให้พอใช้ไปอีก 3-6 เดือน จำนวน 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน จากนั้นถึงเริ่มออมเงินรับวัยเกษียณ ในหุ้นทั่วโลก ผลตอบแทน 5-7% และสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ เช่น หุ้นจีน ปัจจุบันพีอีที่ 10 เท่า ต่ำกว่าหุ้นไทยพีอีที่ 12 เท่าและหุ้นสหรัฐพีอีที่ 17เท่า แต่ยังจำเป็นลงทุนในหุ้นสหรัฐ เป็นตลาดใหญ่ที่สุด มีสัดส่วนมาร์เก็ตแคปถึง40% ของตลาดหุ้นทั่วโลกรวมกัน ส่วนหุ้นไทยยังให้ผลตอบแทนตามจีดีพี ปัจจุบันเฉลี่ยที่ 2-3%