
31 ธันวาคม 2568 จากกรณีทีมพนักงานสืบสวนสอบสวนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นำโดย บก.ปปป. ได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้นรวม 11 จุด ในพื้นที่ กทม.และ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจยึดพยานหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงกับคดีที่ พ.ต.อ. ภ คนดัง ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.ว่า พล.ต.อ. อดีตบิ๊กตำรวจ นายหนึ่ง ใช้ให้ พ.ต.อ. ภ นำสินบนทองคำ น้ำหนักประมาณ 246 บาท มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ไปให้ กรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่ง เพื่อวิ่งเต้นคดีให้พ้นจากความผิด คดีที่เส้นเงินคนใกล้ชิดไปโยงเกี่ยวกับเว็บการพนันออนไลน์
ล่าสุด ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ บิ๊กเต่า รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธุ์ ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) แถลงข่าวชี้แจงความคืบหน้ากรณีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์และติดสินบนทองคำ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงที่ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการให้นำทองคำแท่ง น้ำหนักรวม 246 บาท ไปมอบให้แก่กรรมการ ป.ป.ช. รายหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบสำนวนคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
ในส่วนของพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานประกอบด้วย ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด บันทึกเสียง ภาพถ่าย และพยานเอกสารจากการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการ โดยยืนยันว่าพยานหลักฐานมีความเชื่อมโยงสมเหตุสมผลและมีน้ำหนักเพียงพอต่อการดำเนินคดี แม้แผนประทุษกรรมจะพบว่าผู้ถูกกล่าวหามักหลีกเลี่ยงการดำเนินการด้วยตนเอง โดยใช้บุคคลอื่นดำเนินการแทนก็ตาม
รอง ผบช.ก. ชี้แจงถึงกรณีที่มาของพยานในคดีว่า ไม่ได้เกิดจากการชี้นำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่พยานกลุ่มดังกล่าวตัดสินใจให้ข้อมูลเนื่องจากเคยถูกกระทำในลักษณะข่มขู่และทำร้ายร่างกาย โดยมีข้อมูลระบุถึงพฤติการณ์การใช้อาวุธปืนข่มขู่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับหลักฐานเป็นเอกสารทางการแพทย์ยืนยันการบาดเจ็บ เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนแล้ว
จากการสืบสวนขยายผล พบข้อมูลความเชื่อมโยงไปยังอาจารย์มหาวิทยาลัยรายหนึ่ง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านสื่อสังคมออนไลน์และทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ให้กับอดีตบิ๊กตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลดังกล่าวกับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีทองคำ รวมถึงการตรวจสอบพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม หากพบพยานหลักฐานการกระทำความผิดที่ชัดเจน จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ปัจจุบัน พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นพลเรือนจำนวน 3 ราย โดยมีผู้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 2 ราย ได้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ นายสมบัติ (สงวนนามสกุล)
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ (ป.ป.ช.) จะมีขั้นตอนการดำเนินคดีเฉพาะ โดยเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น จะส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาส่งเรื่องต่อให้ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระตามกฎหมาย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดหลักการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม ทั้งนี้ จะมีการแถลงข่าวสรุปรายละเอียดสำคัญของคดีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงประมาณวันที่ 5 มกราคม 2569 โดยจะมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้แถลงรายละเอียดด้วยตนเอง
ในช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงข้อเปรียบเทียบมาตรฐานการดำเนินคดีระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือรังแกใคร ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่