svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อัปเดตสถานการณ์

เสธ.ทบ. เปิดใจ ยุทธศาสตร์ – เป้าหมาย การสู้รบ ปลายทางเพื่ออะไร

เสธ.ทบ. เปิดใจ ยุทธศาสตร์ – เป้าหมาย การสู้รบครั้งนี้ ปลายทางเพื่อใคร กับข้อสังเกตความปกติการใช้งบฯของกัมพูชาในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ เอามาจากไหน

17 ธันวาคม 2568 จากสถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่บ่ายวันที่ 7 ธันวาคม 2568 จนถึงวันนี้นับเป็นวันที่ 10

 

ล่าสุด พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจกับ เนชั่นทีวี ถึง ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ ในการสู้รบครั้งนี้ ทำให้ฉายภาพอนาคตชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ชัดเจนขึ้น

พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก

 

โดย พล.อ.ชัยพฤกษ์ ย้อนรอยสถานการณ์จุดเริ่มต้นความขัดแย้งเกิดจากกัมพูชาไม่เคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย กัมพูชาไม่เคยให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกัน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซ้ำยังคงมีการยั่วยุ คุกคาม และวางกับระเบิดใหม่ในพื้นที่ของไทยอย่างต่อเนื่อง จนทหารไทยมีการสูญเสีย

 

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ทหารกัมพูชา ได้มีการยิงเข้าใส่ทหารไทย ซึ่งเป็นชุด รปภ. การก่อสร้างถนนเลียบแนวชายแดนในฝั่งไทย

 

จากนั้น ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา การกระทำของกัมพูชาคล้ายกับว่าได้มีการเตรียมการมาโดยลำดับ ทั้งมีการยกระดับการใช้อาวุธหนักมากขึ้นในพื้นที่ และแผนการปฏิบัติการต่างๆ 

เมื่อถามถึง ประเด็นทาง ยุทธศาสตร์ ทำให้กัมพูชา “สิ้นสภาพ” และกรอบเวลาในการสู้รบ พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า คำว่า “การสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร” ไม่ได้หมายถึง การรุกรานเพื่อยึดครอง แต่หมายถึงการทำให้กัมพูชา ไม่มีขีดความสามารถเพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามทางทหาร ต่อไทยในระยะยาว

 

โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจก่อสงคราม พล.อ.ชัยพฤกษ์ เผยว่า มาจาก 2 ปัจจัย คือ เจตนา "Will" และ ขีดความสามารถในการทำสงคราม "Capability"

 

เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องลิดรอนขีดความสามารถในการทำสงครามของกัมพูชา เพื่อลดความเสี่ยงและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชนไทยตามแนวชายแดน

 

ยืนยันว่า ทบ. ไม่มีแนวความคิดที่จะรุกรานกัมพูชาแม้แต่น้อย แต่หากเราจำเป็นที่จะต้องปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนความผาสุกของประชาชน

 

"เราไม่มีเจตนาที่จะรุกรานอย่างแน่นอน แม้ว่าขีดความสามารถทางทหารเราจะสามารถดำเนินการได้ แต่หากมีความจำเป็น เราก็จะใช้ขีดความสามารถทางทหารของเราอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยับยั้งการรุกรานของกัมพูชา ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ โดยเรามุ่งหมายเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิตของประชาชนและลูกหลานของเราในระยะยาว"

 

เมื่อถามถึง กัมพูชามีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และ GAM-102 LR (ระบบอาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี) ผลิตโดยประเทศจีน ที่เพิ่งเปิดตัวปี 2568 หลังมีรายงานการตรวจยึด โดยทหารไทยในพื้นที่ เนิน 500

 

พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า จะเห็นว่า กัมพูชามีการเสริมสร้างขีดความสามารถทางทหารในเรื่องยุทโธปกรณ์สมัยใหม่จำนวนมาก เราได้ปรับยุทธวิธีเพื่อรองรับอย่างเหมาะสม นอกจากอาวุธต่อสู้รถถังหลายแบบที่ตรวจพบและยึดได้นั้น กัมพูชายังมีการใช้โดรนปฏิบัติการจำนวนมาก

 

"ดูจากกรอบงบประมาณของกัมพูชา ไม่น่าที่จะสามารถจัดหายุทโธปกรณ์สมัยใหม่ได้ จึงเป็นข้อพิจารณาอย่างหนึ่งว่ากัมพูชา แลกยุทโธปกรณ์ดังกล่าวมาด้วยอะไร หรือใช้งบประมาณจากส่วนใดไปจัดหา" 

 

ส่วนประเด็นการแจ้งเตือนนักรบรับจ้างต่างชาติและภัยคุกคามภายในประเทศ พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน โดย ทบ. ได้บูรณาการการทำงานกับฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงของมิตรประเทศ ในการติดตามและพิสูจน์ทราบในเรื่องดังกล่าว

 

ส่วนเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการสู้รบครั้งนี้ พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า การเอาแผ่นดินไทยคืน และความปลอดภัยของลูกหลาน โดย ทบ. มุ่งหวังการบรรลุวัตถุประสงค์ทางทหารใน 3 เรื่องตามที่ได้กล่าวในขั้นต้น

 

ทั้งในเรื่องการวางกำลังของกัมพูชาจะต้องไม่รุกล้ำแผ่นดินไทย เราจะควบคุมพื้นที่ของเรากลับคืนมา โดยเป้าหมายสุดท้ายก็คือการสถาปนาความมั่นคงปลอดภัยตามแนวชายแดนให้กับประชาชนในระยะยาว

 

ยืนยันได้ว่าเราไม่มีเป้าหมายในการรุกรานกัมพูชา เป็นเพียงการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยไว้ให้ลูกหลานเราเท่านั้น