svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวสถานการณ์

ฮุน เซน ระงับการเดินทางคนไทยในปอยเปต เข้าข่ายจับตัวประกัน

ฮุน เซน ระงับการเดินทางคนไทยในปอยเปต เข้าข่ายความผิดจับคนไทยเป็นตัวประกัน ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและพิธีสารเพิ่มเติม

14 ธันวาคม 2568 จากกรณี ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสนอแนะให้รัฐบาลกัมพูชา ระงับการเดินทางทางบกของคนต่างชาติรวมถึงคนไทย ส่งผลกระทบกับคนไทยในปอยเปตที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย หลังมีการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่บ่ายวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้นับเป็นวันที่ 7 แล้วนั้น

 

พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตรองเจ้ากรมพระธรรมนูญ

 

ล่าสุด พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตรองเจ้ากรมพระธรรมนูญ นำเสนอบทความ สรุปความผิดกฎหมายระหว่างประเทศกรณีกัมพูชาขัดขวางหรือสกัดกั้นการเดินทาง กลับประเทศไทยของคนไทยที่ด่านปอยเปต ระบุว่า กรณีรัฐบาลกัมพูชาขัดขวางหรือสกัดกั้นการเดินทางกลับประเทศไทยของคนไทยหลายพันคนที่ด่านปอยเปต โดยไม่มีเหตุผลทางกฎหมายที่ดีพอรองรับนั้น

ฮุน เซน ระงับการเดินทางคนไทยในปอยเปต เข้าข่ายจับตัวประกัน

 

เปิดความผิดกรณี ฮุน เซน เสนอให้ระงับการเดินทางทางบกของคนต่างชาติและคนไทยในกัมพูชา 

 

“นอกจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน เรื่องเสรีภาพการเดินทางกลับภูมิลำเนาประเทศตนเองแล้ว ยังเข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ระหว่างประเทศ (อนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการคุ้มครองพลเรือนในเวลาการรบหรือการสงคราม ลงวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1949 และพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาเจนีวา เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1949 และที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ ค.ศ. 1977 (พิธีสาร ฉบับที่ 1 ) ลงวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 1977) ด้วย

 

โดยถือว่าเข้าข่ายเป็นการจับตัวคนไทย ซึ่งเป็นพลเรือนไปเป็นตัวประกันหรือเป็นการกักกันตัวโดยมิชอบ ซึ่งสรุปได้ดังนี้ว่า

ฮุน เซน

 

ในระหว่างการขัดกันด้วย อาวุธ (การรบ) ระหว่างไทยกับกัมพูชา คนไทยดังกล่าวไม่อาจถูกจำกัดเสรีภาพในการเดินทางกลับประเทศไทยได้ โดยรับการคุ้มครองที่จะเดินทางออกนอกประเทศกัมพูชาได้ หากไม่มีหลักฐานชัดเจน ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างแน่ชัดว่าได้กระทำหรือเกี่ยวข้องในการกระทำกิจการต่างๆ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อ ความมั่นคงของกัมพูชา กล่าวคือ คนไทยดังกล่าวเป็นพลเรือน ( Civilian) มิใช่พลรบ (Combatant/Member of the Armed Forces) ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรบแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ ผู้เกี่ยวข้องกับการจับตัวพลเรือนไปเป็นตัวประกัน (Hostage) หรือการกักกันตัวโดยมิชอบ มีความผิด ฐานเป็นอาชญากรสงคราม (War Criminal) ซึ่งกัมพูชาได้เป็นภาคีอนุสัญญาเจนีวาและพิธีสารเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 ดังกล่าว โดยลงนามและให้สัตยาบันเป็นภาคีอนุสัญญาเจนีวาดังกล่าวมานานแล้ว

 

สำหรับพิธี 2 สารเพิ่มเติมฉบับที่ 1 กัมพูชาได้ภาคยานุวัติ (Accession) เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2541 มีผลบังคับใช้กับกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2541

 

สรุป อนุสัญญาเจนีวาและพิธีสารเพิ่มเติมดังกล่าว เป็นกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งมีผลผูกพันให้ กัมพูชาต้องปฏิบัติตาม ในการดำเนินการให้คนไทยหลายพันคนที่ด่านปอยเปตเดินทางกลับประเทศไทยโดยมิชักช้าต่อไป  เพื่อจะได้ไม่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน"