ล็อก 100 บัญชีเป้าหมายกัมพูชา ภัยความมั่นคง จุดยุทธศาสตร์การรบ

10 ธันวาคม 2568 จากปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 1 ใช้รถถัง Oplot ยิงบ่อนกาสิโน ฝั่งตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เมื่อวัน 9 ธันวาคม 2568 เป็นปฏิบัติการภายหลังตรวจสอบแล้วพบว่า กัมพูชาใช้เป็นที่ตั้งยิงอาวุธวิธีโค้ง และเป็นป้อมปืนกล รวมทั้งยังเป็นแหล่งสะสมอาวุธเพื่อใช้โจมตีฝ่ายไทย ในพื้นที่ตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา

 

คลิปปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 1 ใช้รถถัง Oplot ยิงบ่อนกาสิโน ฝั่งตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

 

มีรายงานจากกองทัพภาคที่ 1 ว่า ที่ผ่านมากองทัพได้รวบรวม “บัญชีเป้าหมาย” เพื่อเตรียมการโจมตีในยามเกิดการสู้รบกับกัมพูชา โดยเป็นสถานที่ที่คาดว่าเป็นภัยความมั่นคงสำหรับฝ่ายไทย และกาสิโนแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งใน “บัญชีเป้าหมาย” ที่ฝ่ายไทยล็อกเป้าและเฝ้าสังเกตการณ์มาตลอด

 

เปิด “100 บัญชีเป้าหมาย” ล้วนเป็นสถานที่ที่เป็นหัวใจสำคัญในการรบของกัมพูชา อยากจบต้องรบไม่ขลาด!

 

แหล่งข่าวจากกองทัพ ซึ่งร่วมจัดทำ “บัญชีเป้าหมาย” เผยกับ “เนชั่นทีวี” ว่า ช่วงที่ผ่านมา ระหว่างการตระเตรียมการ เพราะคาดการณ์อยู่แล้วว่ากัมพูชาจะเปิดการโจมตีไทยอีกแน่นอน เพราะไม่ยอมปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ และไม่มีความจริงใจในการสร้างสันติภาพ

 

ฝ่ายไทยได้จัดทำ “บัญชีเป้าหมาย” ที่คาดว่าเป็นภัยทางความมั่นคง รวมๆ แล้วมากกว่า 100 แห่งทั่วกัมพูชา ประกอบด้วย

 

• ที่ตั้งทางทหาร
• คลังเก็บอาวุธ เก็บกระสุน
• โรงไฟฟ้า
• เขื่อน
• กาสิโน
• อาคารที่เป็นสำนักงานของกลุ่มสแกมเมอร์

โดยอาคาร หรือบ่อนกาสิโนบางแห่ง ถูกใช้เป็นฐานยิง หรือคลังเก็บอาวุธ กับเป็นที่พักทหาร แต่ใช้ความเป็นกาสิโนบังหน้า ขณะที่อาคารบางแห่งก็เป็นบ่อนการพนัน และสำนักงานสแกมเมอร์จริงๆ ซึ่งเป็นแหล่งทุนสนับสนุน “ระบอบ ฮุน เซน” ซึ่งมีความชอบธรรมที่ฝ่ายไทยจะยิงทำลาย เมื่อถูกโจมตีก่อน

 

 

“บัญชีเป้าหมาย” ดังกล่าวนี้ จัดเป็น “เป้าหมายไม่เคลื่อนที่” ซึ่งเป็นเป้าหมายรูปแบบหนึ่งที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ / ขณะเดียวกันก็ยังมี “เป้าหมายเคลื่อนที่” ซึ่งจัดการยากกว่า แต่ก็มีการหาข่าวและขึ้นบัญชีไว้เช่นกัน ได้แก่ เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง หรือ BM-21 เป็นต้น

 

 

แหล่งข่าวจากกองทัพ เผยว่า การจะทำให้ “กัมพูชาสิ้นสภาพการเป็นภัยคุกคาม” ต้องทำลายบัญชีเป้าหมายเหล่านี้ให้มากที่สุด ซึ่งไทยอาจถูกประท้วง หรือถูกมองในแง่ลบจากนานาชาติบ้าง ฉะนั้นผู้มีอำนาจก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงของกำลังพล ชีวิตทหารและพลเรือนชาวไทย กับภาพลักษณ์ในสายตานานาชาติ และตัดสินใจในท้ายที่สุด เพราะกองทัพมีความพร้อม 100% อยู่แล้ว