
9 ธันวาคม 2568 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการแพร่ภาพและคลิป ผู้หญิงพลเรือนชาวกัมพูชา กำลังบรรจุกระสุนและประกอบลูกปืน ค. นั้น
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้หญิงดังกล่าวเป็นภรรยาของทหารที่ประจำการอยู่ที่ปราสาทตาควาย กรณีนี้จะเห็นได้ว่ากัมพูชาได้นำผู้หญิงและเด็กเล็ก เข้ามาอยู่ในการสู้รบ ซึ่งความจริงแล้วผู้หญิงกับเด็ก ต้องถูกปกป้อง ไม่ใช่ถูกนำมาใช้ในการทำสงคราม ไม่ว่าจะใช้ข้ออ้างใดๆ
เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law : IHL) ซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า พลเรือน โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ต้องได้รับการปกป้องจากความเสี่ยงในสถานการณ์ความขัดแย้ง และไม่ควรถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางยุทธวิธีหรือการรบในทุกกรณี
ภายใต้หลักสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ได้แก่ หลักการจำแนกเป้าหมาย (Distinction) ห้ามนำพลเรือนมาอยู่ในภารกิจทางทหาร
หลักได้สัดส่วน (Proportionality) ห้ามกระทำการใดที่ก่อความเสี่ยงเกินความจำเป็นต่อพลเรือน
หลักความระมัดระวังในการปฏิบัติ (Precaution) ทุกฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการทำให้พลเรือนตกอยู่ในอันตราย
หลักการคุ้มครองพลเรือน (Civilian Protection) พลเรือนต้องถูกกันออกจากพื้นที่ปฏิบัติการอย่างเคร่งครัด
การละเมิดหลักเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้หญิงและเด็กเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อกังวลในระดับภูมิภาคและนานาชาติ เพราะเป็นการทำให้พลเรือนกลายเป็น “ผู้ได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็น” และอาจนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงขึ้นโดยไม่ควรเกิด
ขณะที่ฝ่ายไทย ย้ำให้ทุกฝ่ายเคารพหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และยืนหยัดในจุดยืนเรื่องการคุ้มครองพลเรือนในทุกสถานการณ์ ตามมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับร่วมกัน
ภาพและข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก Army Military Force
ดูคลิป