
4 ธันวาคม 2568 หลังจากตำรวจ ปอศ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ) จับกุมดาราสาวชื่อดัง "นานา ไรบีนา" ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ชื่อของ "Ledger Nano X" อุปกรณ์รูปทรงคล้ายแฟลชไดรฟ์ ได้กลายเป็นที่สนใจของสาธารณชน หลังจากถูกยึดเป็นของกลางในคดี หลายคนอาจสงสัยว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้คืออะไร ทำไมจึงมีความสำคัญ และเกี่ยวข้องอย่างไรกับการอำพรางเส้นทางการเงิน?
เนชั่นออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักกับ Ledger Nano X และเหตุผลที่มันถูกเรียกว่า "ตู้เซฟดิจิทัล" ของนักลงทุนคริปโต
Ledger Nano X เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต (Hardware Wallet) สำหรับเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) แบบออฟไลน์ (Cold Storage) ซึ่งช่วยปกป้องกุญแจส่วนตัว (Private Key) จากการถูกแฮกหรือโจมตีทางออนไลน์ โดยเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Ledger Nano S ที่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับใช้งานกับสมาร์ทโฟน (iOS และ Android)
นอกจากนี้ ยังเชื่อมต่อ USB-C กับคอมพิวเตอร์ได้ รองรับคริปโตกว่า 5,500 ชนิด เช่น Bitcoin, Ethereum และ NFT ผ่านแอปพลิเคชัน Ledger Live
การตั้งค่าเริ่มต้น : เปิดกล่องอุปกรณ์ ติดตั้งแอป Ledger Live บนมือถือหรือคอมพิวเตอร์ จากนั้นเชื่อมต่อ Nano X ผ่าน USB หรือ Bluetooth ตั้งรหัส PIN 4-8 หลัก และบันทึก Seed Phrase (วลีกู้คืน 24 คำ) ไว้ในที่ปลอดภัย (อย่าเก็บออนไลน์)
การจัดการคริปโต : ใช้แอป Ledger Live เพื่อซื้อ ขาย ส่ง/รับ คริปโต โดยต้องยืนยันธุรกรรมบนหน้าจอของ Nano X เอง (ไม่ใช่บนแอป) เพื่อป้องกันการปลอมแปลง เช่น ส่ง Bitcoin ต้องกดยืนยันบนอุปกรณ์จริง
ฟีเจอร์พิเศษ : รองรับการใช้งานกับกระเป๋า DeFi, NFT และ staking ผ่าน Bluetooth ทำให้สะดวกสำหรับมือถือ แต่ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นประจำเพื่อความปลอดภัย
ราคามีหลายราคาตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป และเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับนักลงทุนคริปโตที่ต้องการความมั่นคงสูง
คดีนี้เกี่ยวข้องกับ "นานา ไรบีนา" ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 โดยตำรวจ ปอส. ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จากการชักชวนลงทุนแบบแชร์ลูกโซ่ (เช่น ปล่อยเงินกู้ สินเชื่อบุคคล ลงทุนหุ้น สนามบาส ร้านอาหาร) โดยไม่มีธุรกิจจริง มีผู้เสียหาย 17 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 195 ล้านบาท
Ledger Nano X ถูกยึดเป็นของกลาง 1 ชิ้น จากการบุกค้นบ้านหรูย่านเอกมัย (รวมทรัพย์สินอื่น ๆ มูลค่ารวม 10 ล้านบาท เช่น iPhone 7 เครื่อง, กระเป๋า Hermès Birkin, รถ Mini Cooper) นานาให้การว่าเป็นของสามี "เวย์ ไทเทเนียม" และตำรวจสงสัยว่าอาจใช้ซ่อนหรือโยกย้ายเงินจากคดีไปเป็นคริปโตเคอร์เรนซี เพื่ออำพรางเส้นทางการเงิน (เนื่องจากเป็น Cold Storage ที่ตรวจสอบยาก) เจ้าหน้าที่จะเรียกเวย์มาสอบปากคำและตรวจสอบอุปกรณ์ภายในสัปดาห์หน้า โดยต้องใช้รหัสผ่านเพื่อเข้าถึง หากพบคริปโตจริง อาจเชื่อมโยงกับพฤติกรรมหลบเลี่ยงการอายัดทรัพย์
การอำพรางเส้นทางการเงิน : เนื่องจาก Ledger Nano X เป็น Cold Storage ที่เก็บ Private Key แบบออฟไลน์ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงินบนโลกดิจิทัล ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าอุปกรณ์นี้อาจถูกใช้ในการซ่อนหรือโยกย้ายเงินที่ได้จากการฉ้อโกงไปเป็นคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อหลีกเลี่ยงการอายัดทรัพย์
เป็น "ตู้เซฟ" ที่เข้าถึงยาก : อุปกรณ์นี้ถูกเปรียบเสมือน "ตู้เซฟดิจิทัล" ที่สามารถซ่อนเงินได้จำนวนมหาศาล แต่การเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ในบัญชีที่ผูกกับอุปกรณ์นี้จะต้องใช้ รหัส PIN + Seed Phrase (วลีกู้คืน 24 คำ) หากผู้ต้องหาไม่ยอมให้ข้อมูลนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะไม่สามารถเข้าถึงคริปโตที่อยู่ภายในบัญชีได้เลย (เหมือนการยึดตู้เซฟที่ไม่มีกุญแจ)
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตได้ชี้แจงว่า Ledger Nano X ไม่ใช่ "ตู้เซฟเก็บเงิน" โดยตรง แต่เป็นเพียง "เครื่องมือเก็บ Private Key" เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงบัญชีคริปโตของตนเองเท่านั้น ตัวคริปโตยังคงอยู่ในบล็อกเชน (Blockchain)
หากไม่มี Seed Phrase ต่อให้มีตัวอุปกรณ์ Ledger Nano X อยู่ในมือก็ไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้
หากเงินถูกโอนออกไปหลายทอดก่อนการจับกุม โอกาสที่ผู้เสียหายจะได้เงินคืนก็จะยากมาก เนื่องจากคริปโตสามารถย้ายเงินข้ามโลกได้อย่างรวดเร็วและตามรอยได้ยากสุดๆ
สรุปได้ว่า Ledger Nano X เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการเก็บคริปโต แต่ในทางกลับกัน ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับสูงนี้เอง ที่ทำให้มันอาจกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกนำไปใช้ในการอำพรางทรัพย์สินจากคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจได้เช่นกัน