
3 ธันวาคม 2568 นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความ ขอบคุณสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างเป็นทางการ หลังจากคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติสำคัญเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 คดีใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงถึง 10,165 ล้านบาท
นายพงศกร ระบุว่า การดำเนินการครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นภายหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งมอบข้อมูลและหลักฐานเส้นทางธุรกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ต่อ ปปง. เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
"พรรคประชาธิปัตย์ขอขอบคุณ ปปง. ที่เร่งรัดกระบวนการ จนสามารถเริ่มการยึดและอายัดทรัพย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม" โฆษกพรรคฯ กล่าว
จากการดำเนินการของ ปปง. ได้ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐาน โดยตรวจพบเครือข่ายสแกมเมอร์ที่เชื่อมโยงกันหลายชั้น ใช้วิธีการฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีม้า และธุรกรรมหมุนเวียนระหว่างประเทศ โดยมีทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดรวมทั้งสิ้น 289 รายการ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้ย้ำว่า การที่หน่วยงานรัฐสามารถดำเนินการยึดทรัพย์ที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทในครั้งนี้ได้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำคัญของการทำงานเชิงรุกในการปราบปราม "ทุนเทา" และสร้างความโปร่งใสในระบบเศรษฐกิจ
"เราจะทำงานเชิงข้อมูลต่อไป เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้บนความโปร่งใส" นายพงศกรกล่าวทิ้งท้าย โดยยืนยันถึงความมุ่งมั่นของพรรคประชาธิปัตย์ในการสานต่อภารกิจ #เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา เพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างไม่หยุดยั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติเมื่อ 2 ธันวาคม 2568
ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 คดีใหญ่ หลังตรวจพบเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติที่เชื่อมโยงกันหลายชั้น ใช้วิธีฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีม้า และธุรกรรมหมุนเวียนระหว่างประเทศ โดยรวมทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัด 289 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 10,165 ล้านบาท
คดีที่ 1 เครือข่ายออนไลน์–ฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล
ปปง. ตรวจพบกลุ่มที่ใช้ฐานปฏิบัติการในต่างประเทศ ทำการฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ในลักษณะไฮบริดสแกม หลอกเหยื่อหลายขั้นตอนให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร เส้นทางการเงินเชื่อมต่อระหว่างผู้เกี่ยวข้องหลายราย
ยึดทรัพย์ 102 รายการ มูลค่าราว 373 ล้านบาท เช่น ที่ดิน เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ
ปปง. มีมติยึดและอายัดทรัพย์ 4 คดีอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ รวม 289 รายการ มูลค่ากว่า 10,165 ล้านบาท พบรูปแบบฟอกเงินซับซ้อนผ่านบัญชีม้า สินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัทบังหน้า ทรัพย์สินที่ถูกยึดครอบคลุมที่ดิน ห้องชุด เงินสด บัญชีธนาคาร และหลักทรัพย์จำนวนมาก
คดีที่ 2 เครือข่ายสแกมเมอร์รายใหญ่ในกัมพูชาโยงทรัพย์สินในไทย
เจ้าหน้าที่พบศูนย์ปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน อาคารหลายแห่งถูกใช้เป็นฐานดำเนินงาน มีระบบสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันธุรกรรม เพิ่มความยากในการตรวจสอบ เส้นทางเงินถูกเปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์สินต่าง ๆ ในประเทศไทย ผ่านบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
ยึดทรัพย์ 90 รายการ มูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท ครอบคลุมที่ดินและเงินในบัญชีธนาคารหลายบัญชี
คดีที่ 3 เครือข่ายฟอกเงินซับซ้อน ใช้บริษัทบังหน้าเชื่อมโยงหลายประเทศ
พบรูปแบบการหลอกลวงตรวจสอบบัญชี อ้างว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ก่อนนำไปสู่การขยายผลพบเส้นทางธุรกรรมที่เชื่อมโยงกันหลายชั้น ทั้งบุคคลและนิติบุคคลจำนวนมาก มีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทภายในไทยและต่างประเทศราวกับเป็นธุรกิจจริง ใช้โครงสร้างบริษัทซ่อนการถือครองทรัพย์สิน
ยึดทรัพย์ 66 รายการ มูลค่ารวม 9,279 ล้านบาท เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ และเงินฝากจำนวนมาก ถือเป็นคดีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในชุดนี้
คดีที่ 4 หลอกลงทุนผ่านแอปเทรด เปลี่ยนเงินเหยื่อเป็นเหรียญดิจิทัล
กรณีกลุ่มหลอกชวนลงทุนในหุ้นผ่านแอป ULELA Max โดยแสดงผลกำไรเกินจริงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จากการตรวจสอบพบว่าเงินถูกนำไปแปลงเป็นเหรียญ USDT และโอนไปยังกระเป๋าดิจิทัลที่โยงเครือข่ายข้ามชาติ
ยึดทรัพย์ 31 รายการ มูลค่าประมาณ 46 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินสดและเงินในบัญชี
ปปง. ระบุว่า ทั้ง 4 คดีมีจุดร่วมสำคัญคือการฟอกเงินข้ามพรมแดนผ่านธุรกรรมซับซ้อน การใช้บัญชีม้า และการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อซ่อนเส้นทางเงิน จึงจำเป็นต้องยึดทรัพย์เพื่อสกัดขบวนการ และดำเนินกระบวนการทางกฎหมายต่อไป หากพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะถูกริบเป็นของแผ่นดินและนำไปใช้เยียวยาผู้เสียหาย
ภาพและข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง - Earth Pongsakorn Kwanmuang
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปปง.อายัดหมื่นล้าน! เครือข่ายเงินเทา!! นายกฯ จ่อแถลงพรุ่งนี้