
3 พฤศจิกายน 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข มีการแถลงข่าว “ข้อเท็จจริง ในการเข้าตรวจสอบโรงงานผลิตยาดมสมุนไพร ที่ไม่ขออนุญาตสถานที่ผลิต” นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เฝ้าระวัง และเก็บตัวอย่าง ยาดมสมุนไพร ส่งตรวจวิเคราะห์ราว 10 ยี่ห้อ พบ 3 ยี่ห้อ ที่ตรวจพบจุลินทรีย์เกินมาตรฐาน โดยขอยืนยันว่า กระบวนการที่ อย. ได้ดำเนินการไป เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบกระทรวง ยึดหลักความโปร่งใส ความปลอดภัย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ขณะที่ผู้ประกอบการทุกราย ยินดีให้ความร่วมมือกับ สธ. แก้ไขในการผลิต และยกระดับการผลิต
“กระทรวงสาธารณสุข และอย. ไม่เป็นเครื่องมือของผู้ใดในการทำลายคู่แข่งทางธุรกิจ หรือทำลายอุตสาหกรรม แต่เป็นการปฏิบัติงานตามกฎหมาย ยืนยันไม่ใช่กลั่นแกล้งผู้ประกอบการ”นายพัฒนา กล่าว
นายพัฒนา กล่าวอีกว่า ส่วนการไปตรวจสอบสถานที่ผลิตนั้น ก็เป็นการตรวจ และส่งตรวจวิเคราะห์ตามขั้นตอน ภายหลังจากที่มีการตรวจพบตัวอย่างไม่ได้มาตรฐาน จึงต้องดูต้นเหตุ ต้นทางในการผลิตอยู่ที่ใด และมีกระบวนการผลิตได้รับการรับรองหรือไม่ จึงนำไปสู่การตรวจสอบสถานที่ผลิตอีกครั้ง
ภญ.สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในช่วงปี 2568 อย.มีการสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ยาดมสมุนไพร 10 ยี่ห้อ พบว่ามี 3 ยี่ห้อที่ผลการตรวจวิเคราะห์ไม่ผ่านเกณฑ์ในรุ่นการผลิต (ล็อต) ที่สุ่มมาตรวจ ซึ่ง อย.ได้มีการประกาศผลไปแล้ว ซึ่งในส่วนล็อตที่ตรวจพบไม่ผ่านเกณฑ์ต้องเรียกคืนจากตลาด และทำลายทั้งหมด สำหรับล็อตที่อายัดได้จากสถานที่ ที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นสินค้าที่ไม่ถูกต้อง เป็นของกลางที่ต้องอายัดในคดีเพราะอยู่ในสถานที่ผลิตที่ไม่ได้ขออนุญาต ไม่สามารถที่จะเอาไปจำหน่ายได้ ส่วนล็อตอื่นๆ ที่ผลิตในสถานที่ ที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง และตรวจไม่พบตกเกณฑ์สามารถจำหน่ายได้
ภญ.สุภัทรา กล่าวอีกว่า การทำงานของ อย.มีระเบียบขั้นตอนทุกครั้ง หลังเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ ซึ่งส่งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่มีมาตรฐานของรัฐตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าบางผลิตภัณฑ์ล่าช้าไปบ้าง แต่ทุกครั้งที่อย.ประกาศก็เพื่อความปลอดภัยประชาชน ซึ่งการดำเนินการตรงนี้ เป็นไปตามกระบวนการ อย.(FDA) ของแต่ละประเทศ มีการประกาศเรียกคืน ยกเลิกทะเบียน เป็นหน้าที่ของ FDA แต่ละประเทศอยู่แล้ว ส่วนผลกระทบต่อผู้ประกอบการ หากแก้ไขได้ก็ดำเนินการทางธุรกิจต่อไปได้
นพ.ชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต หงส์ไทย ยอมรับว่ามีปัญหา ซึ่งสิ่งที่บริษัทจะทำก็คือ แก้ไขความผิดพลาดทั้งหมดทั้งกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำ ตัวสมุนไพร การปลูก สมุนไพร โดยเฉพาะปลูกแบบอินทรีย์ ทบทวนการผลิตในบริษัท โดยมีเป้าที่จะยื่นขอรับรองมาตรฐานการผลิตอาเซียน GMP
ด้าน นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง และเจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นปฏิเสธอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับทั้งหมด ซึ่งส่วนตัวเป็นคนที่ทำธุรกิจแบบพัฒนา แต่ก็อาจจะพัฒนาในบางส่วน แล้วอีกบางส่วนการพัฒนาอาจจะผิดพลาด หรืออาจไม่ตรงประเด็น บวกกับปริมาณที่มีมากขึ้น ก็เลยอาจจะเป็นช่องว่างของสิ่งที่เกิดขึ้น
“ทั้งหมดทั้งมวลที่ สธ.และอย.เตือนมาทั้งหมด ผมก็ขอโทษจริงๆ และน้อมรับทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีความที่จะดื้อดึง หรือมีความที่อยากจะไม่ปฏิบัติตาม ต้องขอโทษ และก็ขออภัยจริงๆ กับบางอย่างที่กระผมไม่สมควรในการพูด ในการสื่อสาร หรือในการออกความคิดเห็นมากเกินไป ซึ่งจริงๆ ตัวผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ได้พูดเพื่อแก้ตัว แต่ว่ามีความกดดัน มีความเครียด แล้วก็มีหลายเรื่องที่ทำให้มีจิตใจที่ดิ่งมากไป ผมขอโทษ” นายธีระพงศ์ กล่าว
นายธีระพงษ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะนำสินค้าทั้งหมดทุกประเภทที่ผลิตสำเร็จแล้ว ส่งตรวจกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากมีปัญหาก็จะนำไปฆ่าเชื้อ กับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ส่วนที่ผ่านมาตรฐานก็จะทำหนังสือยืนยันกับ อย. และ สธ. รวมทั้งหนังสือยืนยันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทุกล็อตการผลิต ส่วนสินค้าที่ถูกอายัดจากโรงงานที่ยังไม่ได้ขออนุญาต ก็จะรอให้ ทาง อย.สรุปว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
"เราพยายามทำให้ดี บริษัทก็พยายามพัฒนามาด้วยความ ตั้งใจที่อยากจะผลิตสมุนไพรขึ้นมาให้กับคนไทย ได้รู้สึกว่าสินค้าใช้แล้วดี เพราะเรารู้สึกว่า สมุนไพรไทย ตั้งแต่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ จนถึงปัจจุบันมันดีแล้วก็มีเสน่ห์" นายธีระพงษ์ กล่าว