
29 กันยายน 2568 ความคืบหน้าสถานการณ์ไทยกัมพูชา บริเวณชายแดน จ.อุบลราชธานี หลังเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน ล่าสุด กังฟู วสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง ในฐานะคนในพื้นที่ระบุว่า สถานการณ์วันนี้ยังคงต้องเฝ้าระวัง บ้านชาวบ้านที่อยู่ติดเนินยุทธศาสตร์ช่องอานม้า ก็จะได้ยินเสียงปืน เสียงอาวุธก่อน และการอพยพไปศูนย์พักพิงในตอนนี้ ชาวบ้านต้องเรี่ยไรออกเงินกันเอง และหน่วยงานราชการในอำเภอเดชอุดมก็ จะต้องออกเงินกันไปก่อน เพื่อที่จะรอการเบิกเงินจากทางจังหวัด ชาวบ้านบางคนที่อพยพไป ไม่มีข้าวไม่มีน้ำกิน เลยตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้าน แม้จะมาอยู่แล้วไม่สบายใจ ก็ต้องกลับมา
ส่วนเงินเยียวยาชาวบ้าน 5,000 บาท จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ ดังนั้นมองว่า หลังแถลงนโยบายของรัฐบาลเสร็จสิ้น สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการให้กับคนชายแดน ในเรื่องเร่งด่วนคือ ดูแลเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบชายแดนทุกจังหวัด และยังมองว่า รัฐบาลควรงดเว้นระเบียบบางตัวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้โดยตรง และให้เกิดการทำงานอย่างไร้รอยต่อ
กังฟู กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีดราม่า ทหารขาดแคลนอาหาร ต้องกินมาม่าปลากระป๋องนั้น ในพื้นที่ช่องอานม้า ก่อนหน้ามีเอกชนมาบริจาคของเยอะ ไม่ได้ขาดแคลน แต่ตอนนี้มีของมาบริจาคน้อยลง การที่ได้ของบริจาคเป็นการเติมขวัญและกำลังใจให้ทหาร เขาจะได้ไม่ต้องไปซื้อเอง ตนและทีมงานพรรคไทรวมพลัง ในฐานะแนวกลางก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเตมที่ ทั้งส่วนของพื้นที่ช่องอานม้าและช่องบก โดยทีมงานของพรรคไทรวมพลัง ได้มอบน้ำดื่มสนับสนุนไปกว่าหมื่นแพ็ก รวมถึงอาหาร โดยไม่เคยหยุดให้ด้วย แต่ยอมรับว่า การกินและความเป็นอยู่ของทหารช่วงนี้ลำบากขึ้น เพราะฝนตก มีน้ำท่วมเข้าไปในบังเกอร์
โดยในวันนี้ กังฟู และทีมงานพรรคไทรวมพลัง ในฐานะคนน้ำยืน ก็ได้นำน้ำดื่ม ไปมอบให้กับทหารที่ช่องอานม้าเพิ่มเติมอีก 1,000 แพ็กด้วย
ขณะที่พื้นที่อำเภอน้ำยืน ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเฝ้าระวัง และรอคำสั่งจากหน่วยความมั่นคง แต่ก็มีชาวบ้านที่ไม่ไว้ใจสถานการณ์ และกังวลกับเหตุการณ์ในพื้นที่ ได้ย้ายไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้ว ยอดรวมราว 4,000 กว่าคน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ คนแก่ที่เคลื่อนไหวลำบาก ซึ่งทางจังหวัดเองก็ได้เปิดศูนย์พักพิงเอาไว้รองรับทั้งหมด 72 ศูนย์ แต่ขณะนี้เปิด 32 ศูนย์ หากเกิดเหตุปะทะ ยังคงยึดตามแผนเดิม คือแผนพิทักษ์ส่วนหลัง พร้อมอพยพชาวบ้าน เปิดศูนย์พักพิงทั้งหมด
จากการสำรวจชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ช่องอานม้า พบว่าวันนี้ทุกอย่างยังปกติ และชาวบ้านยังใช้ชีวิตกันตามปกติ ตามร้านขายของในชุมชนบ้านน้ำยืน ก็มักจะมีชาวบ้าน ออกมาจับกลุ่มพูดคุยกันทุกช่วงเช้าและช่วงเย็น เพื่อติดตามสถานการณ์พวกเขาบอกว่า บางทีก็มาคุยเพื่ออัปเดตข่าวสาร และมาคอยถามทหารที่แวะเวียนมาซื้อของด้วย
“จำรูญ ชนะผล” ชาวบ้านน้ำยืน บอกว่า เหตุการณ์ตอนนี้ จะว่าปกติก็ไม่ปกติ เพราะยังต้องเฝ้าระวัง 24 ชม. ต้องตื่นตัวตลอดเวลา และที่มียิงปืนเล็กกัน วันที่ 27 ก.ย.ก็มีการอพยพไป 20-30% ตอนนี้ก็มีทยอยกันกลับเข้ามาบ้างแล้ว ตอนแรกก็นอนหลับปกติ พอมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังหายไปนาน ก็นอนหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้หลับเต็มอิ่ม เพราะต้องคอยฟังเสียงลูกปืน ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. ก็ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ถ้ามีเหตุการณ์ก็พร้อมอพยพไปเลย ส่วนตัวมองว่า ก็อยากให้ผลักดันให้เรียบร้อยให้จบๆ ไปเลย มาจนถึงวันนี้ 3 เดือนแล้ว อยากให้จบแบบรู้ดำรู้แดงไปเลย
ส่วนศูนย์อพยพที่วัดกุดหวาย อ.เดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งก็มีชาวบ้านตำบลโดมประดิษฐ์ อพยพกันไปกว่า 200 คน ส่วนมากก็จะเป็น คนสูงอายุ เด็ก และผู้หญิง แต่ที่นี่ มีผู้ป่วยติดเตียง ที่อพยพมาตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. ทั้งหมด 3 คนด้วย
พุฒษดี โพธิ์ศรี ชาวบ้านหนองบัวพัฒนา เขาอพยพมากับสามีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง เพราะผู้ใหญ่บ้านกำนัน เร่งให้ผู้ป่วยออกมาก่อน ป้าพุฒษดี บอกว่า จริงๆ ก็ไม่อยากมา เป็นห่วงบ้าน แต่สามีป่วยติดเตียง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่อพยพมา ซึ่ง รอบนี้มาลำบากกว่า เพราะรอบที่แล้ว เพราะการกินอยู่รอบนี้ต้องจ่ายเงินเอง ไม่เหมือนแต่ก่อน รอบนี้ไม่มีคนมาบริจาคอาหารเลย
ขณะที่ ราตรี แก้วคำจันทร์ รองประธาน อสม.แขมเจริญ ทีมที่ดูแลศูนย์อพยพวัดกุดหวาย เล่าให้ฟังว่า ที่ศูนย์อพยพวัดกุดหวาย วันที่ 26 ก.ย. มีคนอพยพมามากที่สุด แต่วันนี้เหลือ 156 คน เพราะทยอยกลับกันไปแล้ว และรอบนี้ ก็ชาวบ้านเขามีการเตรียมตัวมา มาวันแรกเขาก็ช่วยกันซื้อมากินเอง ตามมีตามเกิด เราก็เป็นเจ้าบ้านช่วยเหลือบ้างเล็กน้อยเพราะอาหารรอบนี้ไม่ได้ดูแล และมีหน่วยงาน อบต.โดมประดิษฐ์ เอาน้ำดื่ม ไข่ไก่มาเยี่ยม ส่วนงบประมาณ ก็กำลังทำอยู่ แต่งบจังหวัดยังไม่มา