
7 ธันวาคม 2568 กรณีการเสียชีวิตของ นายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือ “นัทปง” นักข่าวและผู้ประกาศข่าวช่องดัง เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2568 ซึ่งผลการชันสูตรพบสารพิษไซยาไนด์ในร่างกาย ทำให้เกิดข้อสงสัยและอยู่ระหว่างการสืบสวนของตำรวจนั้น ล่าสุด นายนิติธร แก้วโต หรือ “ทนายเจมส์” ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังการเสียชีวิตของผู้ตาย
ทนายเจมส์ เล่าว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตเพียงหนึ่งวัน ในช่วงเช้าวันรดน้ำศพ ก็มีผู้หญิงโทรศัพท์มาถามตนว่า “นัททำพินัยกรรมไว้หรือไม่” พร้อมระบุว่า ตู้เซฟของผู้ตายเปิดไม่ได้ ซึ่งทนายยืนยันว่า
“นัทไม่เคยพูดถึง หรือปรึกษาเรื่องพินัยกรรมกับตนเลย”
ต่อมาในวันที่ไปร่วมงานศพ ทนายเจมส์เผยว่า มี ชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาถามเรื่อง “การจัดการทรัพย์สิน” อีกครั้ง โดยอ้างว่า อยู่กับนัทปงในวันเกิดเหตุ แต่ไม่ใช่ญาติ จึงไม่สามารถพูดคุยหรือให้ข้อมูลได้ ก่อนที่ทนายจะมาทราบภายหลังว่า ชายคนนี้เป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องพินัยกรรมกับผู้หญิงที่โทรมาถามในวันแรก
ทนายเจมส์ ตั้งข้อสังเกตว่า ในสถานการณ์ปกติ การสอบถามเรื่องพินัยกรรมอาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่เมื่อผลตรวจพบสารพิษไซยาไนด์ และมีบุคคลภายนอกเข้ามาถามถึงทรัพย์สินเร็วผิดปกติ จึงทำให้ต้องตั้งข้อสงสัยว่า “ข้อมูลเรื่องพินัยกรรมหลุดมาจากใคร และเขามีเหตุจูงใจอะไร”
ทนายเจมส์ ย้ำว่า นัทปงเป็นคนน่ารัก ไม่เคยบ่นว่ามีใครมาข่มขู่ หรือถูกผู้มีอิทธิพลกดดันในการทำข่าว อีกทั้งยังไม่เคยปรึกษาเรื่องมรดกหรือทรัพย์สินใด ๆ มาก่อน
สำหรับประเด็นคดี ทนายเจมส์ ระบุว่า เทคนิคการสืบสวนของตำรวจมักจะมุ่งไปที่ “4 คนสุดท้ายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ” ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยพูดถึงไซยาไนด์ ทั้งที่ผลตรวจยังไม่ออก จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่า เขารู้ข้อมูลนั้นได้อย่างไร และสารพิษอยู่ในจุดใดของห้องตั้งแต่เมื่อใด
ทนายระบุเพิ่มเติมว่า เพื่อความโปร่งใสและคลี่คลายข้อสงสัยทั้งหมด ผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้ง 4 คนควรออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจอย่างละเอียดที่สุด เพื่อหาสาเหตุว่าเป็นคดีฆาตกรรม การประมาท หรือผู้ตายอาจมีเหตุจูงใจอื่น
สุดท้าย ทนายเจมส์ยืนยันหนักแน่นว่า
"นัทปงไม่เคยทำพินัยกรรมกับผม ไม่เคยปรึกษาเรื่องทรัพย์สินแม้แต่ครั้งเดียว"
พร้อมตั้งคำถามว่า บุคคลที่ออกมาสอบถามเรื่องนี้ ได้รับข้อมูลจากที่ใด ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความเข้าใจผิด หรือการคาดเดาจากบุคคลรอบตัวผู้ตาย แต่ยังต้องรอการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
ทนายเจมส์ ยังเผยความสัมพันธ์ระหว่างตนกับนัทปงว่า ก่อนหน้านี้ที่ได้รู้จักกันด้วยการทำงานทางด้านการข่าว ที่นัทปงเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนาม ที่มักจะมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีความหลายครั้ง ตอนหลังก็เริ่มไว้วางใจ และเข้ามาดูแลเรื่องของทางด้านกฎหมายให้ มีหลายคดีที่เป็นคดีเกี่ยวกับการฟ้องร้อง เกี่ยวกับการทำงานทางด้านสื่อสารมวลชน ไม่ได้มีเรื่องของคดีความเกี่ยวกับทรัพย์สินใดเลย
ที่ผ่านมา ก่อนที่นัทปงจะเสียชีวิต ก็ไม่ได้มีข้อบ่งชี้หรือข้อสงสัยมาก่อน ในส่วนตัววันที่เห็นข่าว มีคนแคปโพสต์เรื่องของการเสียชีวิตของน้องมาแชร์ ก็เลยรู้สึกตกใจ ก่อนหน้าที่น้องจะเสียชีวิตแค่สองวัน ก็เคยไปขอความช่วยเหลือจากน้อง เรื่องช่วยประสานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากน้องเป็นอย่างดี พอเริ่มเช็กข่าวจึงรู้ว่าเป็นเรื่องจริงที่น้องเสียชีวิต
ส่วนประเด็นที่ว่า การเสียชีวิตของน้อง ซึ่งมาตรวจพบภายหลังว่า พบสารไซยาไนด์ในร่างกาย จึงทำให้เชื่อว่าน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังของการเสียชีวิต ซึ่งหากเป็นเรื่องของการฆาตกรรมจริง ก็มีหลายเรื่องหลายประเด็นที่อาจจะเป็นข้อสงสัย อาจจะเป็นประเด็นเรื่องทรัพย์สิน ซึ่งจะต้องเป็นทรัพย์สินที่มีจำนวนมากๆ จนเป็นเหตุจูงใจให้ทำร้ายกันได้ และคนคนนั้นก็จะต้องมีสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องที่จะได้ นอกจากพินัยกรรมแล้วก็เรื่องของประกันชีวิต ที่จะสามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้ อาจจะต้องรอเรื่องของการตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน อาจจะมีเรื่องของโรคประจำตัวอยู่แล้ว ที่ต้องตรวจสอบว่า อาจจะเป็นสาเหตุที่มีการพูดถึงเรื่องของการทำพินัยกรรม จึงคิดว่าอยู่ดีๆ คงไม่มีใครมาทำเรื่องพินัยกรรม ซึ่งตั้งแต่ตอนต้นข่าวของการเสียชีวิต ยังมุ่งไปประเด็นเรื่องของการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือปัญหาสุขภาพ ตนก็ยังมีความเชื่อว่า น่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ หรือเป็นไปตามธรรมชาติอยู่ พอมีคนโทรมาถามเรื่องพินัยกรรม ก็ยังไม่ได้เอะใจสงสัย จึงคิดว่าอาจจะเป็นการสอบถามเรื่องของการจัดการทรัพย์สินของน้อง ซึ่งตนก็ตอบไปว่า ไม่ได้มีการทำพินัยกรรมไว้ก่อน แต่พอภายหลังผ่านไปสองวัน มีการตรวจพบสารไซยาไนด์ในร่างกาย จึงทำให้ต้องย้อนกลับไปคิดว่า เหตุใดจึงมีการสอบถามเรื่องพินัยกรรมมาที่ตน
อยากให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวน จนได้รับรู้เรื่องของข้อเท็จจริง สาเหตุของการเสียชีวิตของน้อง เพื่อคลายความสงสัยทั้งในส่วนของญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก ส่วนตัวแล้วมองว่าน้อง เป็นคนที่น่ารักที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องของการทำงาน มีความมุ่งมั่นตั้งใจตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เคยรู้จักกัน