svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"นพรัตน์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ตัวการใหญ่ มหากาพย์ 10 ปี “คดีเงินทอนวัด”

"นพรัตน์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ตัวการใหญ่ มหากาพย์ 10 ปี “คดีเงินทอนวัด” อสส.ประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากสหรัฐฯ

กรณีเจ้าหน้าที่ US Marshal ของสหรัฐฯ จับกุม "นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ หนีคดีทุจริตเงินทอนวัดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.68 แต่ยังตัวส่งกลับไทยไม่ได้เพราะเป็นพลเมืองอเมริกันไปแล้ว รอขึ้นศาลนัดแรกที่รัฐเทกซัสปลายปี 2568

"นพรัตน์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ตัวการใหญ่ มหากาพย์ 10 ปี “คดีเงินทอนวัด” นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ

 

 

28 กันยายน 2568 ล่าสุดสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ออกเอกสารข่าว การส่งผู้ร้ายข้ามเเดน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ

 


 

ความว่าสำนักงานอัยการสูงสุดร่วมกับกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนคดีทุจริตเงินทอนวัดจากสหรัฐอเมริกา กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประสานงานกับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนรายสำคัญในคดีทุจริตเงินทอนวัดที่ได้หลบหนีไปต่างประเทศ เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดกว่า 65 แห่ง 

 

คดีนี้สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดของนายนพรัตน์ฯ กับพวก เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและเบียดบังเงินงบประมาณอุดหนุนวัดพนัญเชิงวรวิหารและวัดอื่น ๆ รวม 65 แห่ง ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและบ่อนทำลายศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระพุทธศาสนา

ต่อมา อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องนายนพรัตน์ฯ กับพวกต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 โดยได้นำผู้ถูกกล่าวหาบางส่วนขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้ว แต่เนื่องจากนายนพรัตน์ฯ หลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 จึงได้ออกหมายจับไว้

 

สำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะหน่วยงานผู้ประสานงานกลาง ได้จัดทำคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังทางการสหรัฐอเมริกา และได้มีการประสานงานกับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายของไทยต่อศาลสหรัฐฯ จนกระทั่งเมื่อกลางเดือนกันยายน 2568 สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับแจ้งว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เห็นชอบให้ส่งตัวนายนพรัตน์ฯ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

 

และเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน ป.ป.ช. ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อรับตัวนายนพรัตน์ฯ กลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การดำเนินการในครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นและความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างจริงจังในการติดตามตัวผู้กระทำความผิดที่หลบหนีมาดำเนินคดีจนถึงที่สุด 

 

"นพรัตน์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ตัวการใหญ่ มหากาพย์ 10 ปี “คดีเงินทอนวัด”

 

"นพรัตน์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ตัวการใหญ่ มหากาพย์ 10 ปี “คดีเงินทอนวัด”

 

 

 

 

ในโอกาสนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดขอขอบคุณพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ผู้ประสานงานกลางสหรัฐอเมริกา พนักงานอัยการเขตเท็กซัสตะวันออกผู้ดำเนินคดี ผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมายประจำฟิลิปปินส์ผู้ประสานงาน และเจ้าหน้าที่ US Marshals ผู้จับกุมและควบคุมตัว กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด จนทำให้การส่งผู้ร้ายข้ามแดนในคดีสำคัญครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

 

 

 

"นพรัตน์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ตัวการใหญ่ มหากาพย์ 10 ปี “คดีเงินทอนวัด”