
22 กรกฎาคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ บิ๊กเต่า รอง ผบช.ก.เผยความคืบหน้าคดีอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ "ทิดสฤษดิ์" อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงอยู่ในพื้นที่ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากพบข้อผิดปกติหลายเรื่อง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการลาออกของรักษาการผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตนครสวรรค์ และความเกี่ยวข้องของบุคคลอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องมีการสอบปากคำ และเก็บรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่า การดำเนินคดีนี้ เป็นการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ยืนยันไม่มีความกังวลเรื่องการโยกย้าย เพราะได้ตรวจสอบพยานหลักฐานมาพอสมควรแล้ว
สำหรับประเด็นที่ รักษาการ ผอ.มจร.วิทยาเขตนครสวรรค์ ลาออก จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังไม่ต้องการยืนยันข้อมูล แต่ยอมรับว่า เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน และใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในส่วนของโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน ที่ใช้เวลากว่า 15-20 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่มีเงินบริจาคจำนวนมหาศาล ไหลเข้าสู่โครงการนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้ว่าเป็น ความท้าทายที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง ปปท. ปปป. และ ปปง. จะต้องเดินหน้าตรวจสอบอย่างจริงจัง และจะบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ได้ยืมเงินจากพระสงฆ์ในวัดที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนการตรวจสอบบัญชีของวัด ยังไม่ได้รับรายงานในขณะนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่หน้างานดำเนินการไปก่อน
และการดำเนินการทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้อง กับการก่อสร้างพุทธอุทยานมา สอบปากคำทั้งหมด โดยขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเรื่องนี้ก่อน เนื่องจากมีการทำคดีหลายคดีพร้อมกัน แต่อย่างไรก็จะทำให้เรื่องนี้กระจ่าง
สิ่งที่น่าสงสัยและต้องตรวจสอบอย่างละเอียดคือ เหตุใดการที่พระสงฆ์มีสีกาเข้ามาเกี่ยวข้องหลากหลายเป็นสิบปี จึงเพิ่งมาปรากฏเรื่องราว จะต้องตรวจสอบทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่าสงสัยอื่น ๆ ที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ในส่วนของ มจร. การสร้างพุทธอุทยาน ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่เงินบริจาคจำนวนมาก และเงินในบัญชีเหลือน้อยมาก บ่งบอกถึงความผิดปกติ , เงินบริจาค , การแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน และเงินบริจาคจากวัดห้วยด้วน ที่มอบให้อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบจำนวนเงินบริจาคทั้งหมด
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายเรียกหรือหมายจับ
และจากรายงานระบุว่า วัดนครสวรรค์ คาดว่าได้รับเงินบริจาคหลายร้อยล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน นอกจากนี้ อดีตนักธุรกิจ "เสี่ย อ." ที่เสียชีวิตจากการอัตวิบากกรรม เคยบริจาคเงินสูงถึง 50 ล้านบาท ให้แก่วัดแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ขัดแย้งกับยอดเงินในบัญชีวัดที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบในปัจจุบันว่า เหลือเพียงหลักล้านบาท ซึ่งเป็นจุดที่ตำรวจกำลังให้ความสนใจและเร่งตรวจสอบอย่างละเอียด โดยจะเน้นไปที่การสืบหาเส้นทางการโยกย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าว ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่สามารถตรวจสอบได้
ขณะที่ พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รองผู้การ ปปป.และ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ปปท.เชิญพระครูสุธีธรรมบัณฑิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ หรือ พระเลขา อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ เพื่อขอเข้าทำการตรวจสอบรายละเอียด เส้นทางการเงิน เเบะการดำเนินโครงการสร้างพุทธอุทยาน ที่อดีตเจ้าอาวาส เป็นประธานการจัดสร้าง เเต่เงินบริจาคไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เเละเกิดข้อครหานำไปปรนเปรอสีกาถึง 2 คน
โดยการการตรวจค้นมีเป้าหมายหลายจุด อาทิ สำนักงานวิทยาลัยสงฆ์ ศูนย์บัณทิตศึกษา อาคารรหอสมุดเทคโลยีสารสนเทศ เเละจุดสำคัญบริเวณองค์พระพุทธรูปศรีสรรพัญญู ที่เดินขึ้นไปสำรวจพระรูป เเละ ในฐานพระพุทธรูป ทำให้ได้ยิ่งเห็นพึงความทรุดโทรม เเละการถูกปล่อยทิ้งร้างโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทั้งที่หากพุทธอุทยานสำเร็จ จะเกิดความสวยงามเเละเป็นสถานที่สำคัญของนครสวรรค์ได้
ก่อนขึ้นไปสำรวจ ตำรวจได้ซักถามพระเลขา เล่าถึงปัญหาอุปสรรคของการสร้างองค์พระพุทธรูป เเละได้สอบถามถึงงบประมาณที่ใช้การก่อสร้างทั้งหมด เฉพาะองค์พระ 30 ล้าน ปิดทอง 10 กว่าล้าน ไม่รวมอื่นๆ ตัวอาคารหลังเกิดคดีความ จึงไปเรี่ยไรบริจาคใหม่ รวมถึงการชี้เเจงบัญชีหลังรับบริจาคใหม่ มีการเปิดหลายบัญชี โดยใช้ชื่อวัดนครสวรรค์ เเละระบุชื่อของวัตถุประสงค์ ส่วนเงินบริจาคที่ได้จากหลวงปู่พัฒน์ 30 ล้าน นำมาใช้ทำถนนเข้าพุทธอุทยาน ทำป้าย มีการถวายเป็นเงินสดนำเข้าบัญชีทันที เพราะมีประสบการณ์ถูกโกง
นอกจากนี้ ยังได้มีการสอบถามถึงสีกาอดีตผู้อำนวยการว่า ลาออกด้วยสาเหตุใด ซึ่งพระเลขาได้ ชี้เเจงว่า สีการายนี้ลาออกเเค่ตำเเหน่งผู้อำนวยการ เเต่สถานอาจารย์ยังคงมีอยู่ สีกาน้ำตาล มาดูเเลบัญชีของวิทยาลัย เพราะจบด้านบัญชี เเต่สาเหตุที่ลาออก เพราะการจัดการบริหารงบประมาณ เเละรายได้ในการจัดการศึกษา ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในวิทยาเขต
มีรายงานว่า สำหรับสีกาทั้ง 2 ราย ตอนนี้ที่มีเส้นทางการเงินชัดเจนว่า มีการโอนชัดเจน คือ "สีกาน้ำตาล" "สีกาน้ำหวาน" ส่วนรายอื่นๆ ยังคงมีการสืบในทางลับ รวมถึงเจ้าของร้านดังอย่าเพิ่งดีใจ พบมีเส้นทางการเงินโยงกับ "ทิดสฤษดิ์" เเต่ต้องไปพิสูจน์ว่า จ่ายให้กันในเรื่องใด ล่าสุดมีการรวบหลักฐาน ได้เอกสารหลายอย่าง โดยจะมีการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป