
ความคืบหน้าทางคดี "ปล้นบุหรี่ไฟฟ้า" จากโกดังเก็บของกลางของ "กรมศุลกากร" และขับรถชน รภป.เสียชีวิต
4 มิถุนายน 2568 โดยที่ สน.ท่าเรือ พนักงานสอบสวนคุมตัว 1.นายนรินทร์ หรือนายเบิร์ด 2.นายภียกร หรือคิง 3.นายเอกชัย หรือเอก 4.นายธนทร หรือจี 5.นายสุวัฒน์ หรือเล็ก แก๊งผู้ต้องหาคดี ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยระหว่างคุมตัวออกมาจากห้องขังเพื่อขึ้นรถ นักข่าวพยายามสอบถามกลุ่มผู้ต้องหา
นายคิง อ้างว่า เขาเพิ่งทำครั้งแรก ไม่ขอพูดถึงเรื่องส่วนแบ่ง ยอมรับว่าเต็มใจไปทำเอง ไม่มีใครบังคับ
ส่วนนายเบิร์ด ยืนยันว่า เขาสมัครใจไปก่อเหตุเช่นกัน พร้อมขอชี้แจงว่า ตนเองไม่ได้เป็นลูกน้องของตำรวจตามที่สื่อนำเสนอข่าว เพราะถ้าตนเป็นลูกน้องตำรวจจริง ก็คงไม่ต้องมาติดคุกแบบนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแค่มาทำความสะอาด และซื้อของให้เท่านั้น ไม่ได้ทำงานอะไรที่เกี่ยวกับการสืบสวน และตำรวจไม่ได้สั่งให้ทำหรือเกี่ยวข้องกับการปล้นด้วย ตอนนี้รู้สึกเสียใจ และอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต
เช่นเดียวกับนายเล็ก ที่ตะโกนออกมาว่า ผมเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต
ส่วนนายแบงค์ ยังไม่ได้มีการนำตัวไปไปฝากขังในวันนี้ จะทำการสอบปากคำเพิ่ม และจะนำตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้
ขณะที่ พล.ต.ต. วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) เผยถึงความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี่ตำรวจนำตัวนายสน ซึ่งเป็นคนที่นายแบงค์กล่าวอ้างถึงว่าเป็นคนชี้เป้ามาสอบปากคำแล้ว
จากการสอบปากคำ เบื้องต้นนายสนรับสารภาพในบางส่วน อ้างว่าในวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสน เจอกับนายแบงค์ นายเอก นายเล็ก โดยบังเอิญ ที่เกิดเหตุ ซึ่ง 3 คนนั้นเข้าไปเอาของที่ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังที่เก็บของกลาง เพื่อขโมยบุหรี่ไฟฟ้าล็อตก่อนที่จะเกิดเหตุในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
โดยนายสน อ้างว่า เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยว กลัวได้รับอันตรายจึงออกมา และปล่อยให้กลุ่มผู้ต้องหาขโมยของไป ซึ่งนายสนอ้างว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขโมยของ ส่วน วันที่1 มิ.ย.นายสนอ้างว่า นอนอยู่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
ส่วนจุดเก็บของกลางตู้ไหนเป็นบุหรี่ไฟฟ้านั้น นายสน อ้างว่า ไม่รู้ว่าอยู่ตู้ไหน การเข้ามาเก็บแต่ละครั้งมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บหลายส่วน ดังนั้นเชื่อว่า จึงมีคนรับรู้เรื่องตู้เก็บของกลางหลายคน ซึ่งตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อและต้องขยายผลเพิ่ม
ทั้งนี้นายสนเป็น ลูกจ้างชั่วคราว รับเป็นช่างซ่อมของต่างๆ และคอยดูโกดังสเตเดียม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และการท่าเรือ ซึ่งนายสน เป็นรู้จักกับนายเล็กมาปีกว่า และนายสนเคยทำงานแถวนี้
ส่วนนายเล็กก็เคยเป็น รภป.ในย่านนี้ แต่ไม่ใช่ที่ท่าท่าเรือ เลยจึงทำให้รู้จักกัน ขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้แจ้งจ้อกล่าวหา นายสน เพราะจะทำการขยายผลรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมก่อน
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ยังบอกอีกว่า จากการสอบปากคำนายแบงค์ ยังมีการอ้างถึงบุคคลอื่นอีก มีประมาณ 1-2 คน เป็นเพื่อนของเพื่อนที่รู้จัก เคยทำงานเป็นอดีต รปภ.ของการท่าเรือฯ ออกจากการเป็น รปภ.นานแล้ว ส่วนจะเป็นคนในชุมชนหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน
ซึ่งจากคำให้การนายแบงค์ อ้างว่า อดีต รปภ.คนนี้เป็นคนให้ข้อมูลว่าตู้บริเวณดังกล่าวที่เกิดเหตุมีการเก็บบุหรี่ไฟฟ้า โดยตำรวจจะต้องทำการพิธีสูจน์ทราบ และขยายผลต่อ แต่ยืนยันได้ว่า จากคำให้การไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง
ส่วนการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ปล้นออกไปได้ล็อตแรก ช่วงตี 4 วันที่ 31 พ.ค.จำนวน 1 คันรถนั้น มีการนำไปขายต่อทันที ในเย็นวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยเมื่อได้ของมาแล้ว ก็มาบอกต่อกลุ่มเพื่อน เพื่อให้ช่วยหาหาคนรับซื้อ โดยไม่ได้มีออเดอร์มาก่อนล่วงหน้า และอ้างว่าไม่ได้มีเจ้าประจำ ซึ่งความต้องการบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดค่อนข้างสูงอยู่แล้วเพราะหาซื้อยาก
ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้าล็อตแรก ได้ส่งขายไปให้กับเจ้าใหญ่รายเดียว ได้เงินมาประมาณ 300,000 บาท และมีการแบ่งส่วนแบ่งให้กับ 3 คน คือ นายแบงค์ นายเอก และเล็ก เพราะร่วมก่อเหตุตั้งแต่ขโมยของล็อตแรก
หลังจากนั้นก็มาปล้นต่อทันทีในเวลาตี 1 ของวันที่ 1 มิ.ย.ต่อเนื่องกัน โดยในรอบหลัง มีผู้ก่อเหตุเพิ่มมาเป็นทั้งหมด 6 คน
โดยตำรวจจะต้องไปขยายผลเพิ่มเติมกับ คนรับซื้อด้วย เพื่อตรวจสอบว่ากระจายสินค้าไปที่ไหนบ้างและเพื่อพิจารณาว่าจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ส่วนจะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้นขอรอความชัเเจนในการขยายผลก่อน
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ เชื่อว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุทำมาแล้วมากกว่า 2 ครั้ง ซึ่งส่วนหลังจากนี้จะมีการประสานกรมศุลกากร เพื่อเข้าตรวจสอบตู้คอนเทรนเนอร์ของกลางเพื่อตรวจนับของกลางที่เหลือว่ามีอะไรหลายไปบ้าง