
29 พฤษภาคม 2568 เวลา 20.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีจับกุม นายฉัตรชัย หรือ จ่าชัย และ นางพชรพร หรือ หมอเตย สองสามีภรรยาคนสนิท นายแย้ม อดีตเข้าอาวาสวัดไร่ขิง ว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ เนื่องจากพบว่า มีการนำเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว ในลักษณะอ้างว่าจะนำไปทำโครงการต่างๆ ให้วัด ไม่ใช่กรณียักยอกเงินร้านค้าสวัสดิการ จากการสอบปากคำทั้งคู่ จนถึงตอนนี้ยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร
“เท่าที่พูดคุยเชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ใช่เทคนิคข้อต่อสู้ทางคดี เป็นการไม่สำนึก ส่วนทรัพย์สิน รถ ที่ดินต่างๆ ก็อ้างว่ามาจากเงินรายได้ ไม่ใช่เงินวัด ทั้งที่ในความเป็นจริงทั้งสองไม่มีอาชีพอะไร ร้านกาแฟก็ไม่มีลูกค้า ค่ายเพลงก็ขาดทุน รายรับต่อเดือนแค่หมื่นสองหมื่น แต่รายจ่ายหลักแสน ขนาดกางหลักฐานให้ดูก็ยังไม่จำนน ลอยหน้าลอยตาปฏิเสธ ต่างกับ “ทิดแย้ม” ที่ยังพอมีจิตสำนึก ดังนั้นจะดำเนินคดีทุกกรรม ที่พบความผิด”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงการแกะรอยติดตามตัวว่า ชุดสืบสวน กองปราบ และ ปปป. ลงพื้นที่สืบเสาะหาข้อมูลมาโดยตลอด ช่วงแรกเข้าใจว่า ทั้งสองปิดโทรศัพท์ เก็บข้าวของหนีไปแล้ว กระทั่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ได้รับข้อมูลจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงว่า เจ้าตัวเพิ่งโทรศัพท์มาหาคนงานในวัด จึงเร่งแกะรอยจากข้อมูลโทรศัพท์ จนกระทั่งพบข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่า ทั้งสองน่าจะยังคงแอบซ่อนตัวอยู่ในค่ายลูกเสือ จนนำมาสู่การตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
“หลังการจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเข้าตรวจค้นภายในห้องพัก พบโทรศัพท์และซิมการ์ด ถูกซ่อนไว้เตรียมรอทำลาย นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดรถและทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ ส่วนแนวทางทำงานหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ทั้งคู่ถือครอง ในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อตามอายัดทรัพย์ กลับคืนวัด รวมถึงขยายผลตรวจสอบเรื่องการยักยอกเงินร้านค้าสวัสดิการของวัด เนื่องจากพบว่า เงินรายได้ของร้านค้าสวัสดิการวัด มีอยู่ราวๆ 1 ล้านบาทต่อเดือน และ เตรียมเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ “ทิดแย้ม” และ “นายเอกพจน์” ในความผิดฐานฟอกเงินเพิ่ม ”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลสืบสวนพบว่า วิธีการของ นางพชรพร ในการนำเงินของวัดออกไปใช้ส่วนตัว จะใช้กลอุบายอ้างว่า จะนำไปทำโครงการต่างๆ อาทิ สวนวิปัสสนา หรือ อุทยานวัดไร่ขิง แต่ที่ดินต่างๆ ที่ถูกใช้ทำโครงการเหล่านี้เชื่อว่า ชื่อกรรมสิทธิ์ผู้ครอง ส่วนใหญ่เป็นนางพชรพร
“ตอนนี้สงสัยในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ “ทิดแย้ม” กับ "หมอเตย" ว่าเหตุใด “ทิดแย้ม” ถึงเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง อาจจะต้องเข้าไปสอบปากคำ "ทิดแย้ม" ในเรือนจำอีกครั้ง เพราะเชื่อว่า น่าจะกุมความลับ หรือมีอะไรบางอย่าง คล้ายกรณี "สีกาเก็น" ส่วนประเด็นชู้สาว ตอนนี้ยังไม่พบ สอบถามเจ้าตัวยืนยันว่า เป็นเพียงลูกศิษย์เท่านั้น เริ่มรู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2551”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับทิดแย้ม จากข้อมูลทราบว่า เมื่อก่อนครองตัวเป็นพระดี แต่พอมาเจอคนใกล้ชิดเหล่านี้ จึงคล้อยตาม เหมือนลงเรือผิดลำ ส่วนแนวทางดำเนินการในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีลงพื้นที่วัดอีกหรือไม่ ต้องรอหารือกับ ผบก.ปปป. ก่อน แต่หลังเสร็จสิ้นคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง จะลงพื้นที่วัด เพื่อไปกราบไหว้พระ ทำบุญ ฟื้นฟู ศรัทธาวัดให้กลับคืนมา และ เชื่อว่าหลวงพ่อวัดไร่ขิง ยังเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านไม่เสื่อมคลาย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับวัด