
28 พ.ค.68 จากเหตุกลุ่มคนร้ายประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ที่แฝงตัวอยู่ซอยฝั่งตรงข้าม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัด และเกิดการปะทะกันนานประมาณ 15 นาที เป็นเหตุให้ ส.ต.อ.เจษฎา พรหมรัตน์ ผบ.หมู่ ป. ที่ปฏิบัติหน้าที่ที่จุดตรวจ ถูกกระสุนปืนเข้าบริเวณหลังทะลุหน้าท้อง ได้รับบาดเจ็บสาเหตุ และ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง ผบ.หมู่ ป. ถูกกระสุนปืนที่ศีรษะ เสียชีวิต เมื่อช่วงสายที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า รับทราบจาก พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9(ผบช.ภ.9) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน รู้สึกว่าผู้คนที่บริสุทธิ์กำลังทำอาชีพปกติ และมาเจอกลุ่มพวกนี้ที่กระทำต่อชีวิต และร่างกาย จึงเป็นความรู้สึกที่พวกเราคงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ตอนนี้เราได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ในช่วงเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ และสาหัส แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต โดยตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดูแลสวัสดิการตำรวจอย่างเต็มที่
ส่วนที่หลายคนมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนกล่าวในปาฐกกาพิเศษ ที่ ป.ป.ส. โดยมีท่อนหนึ่งพูดเกี่ยวกับการแก้ปัญหาไฟใต้ด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ และไม่สามารถวิจารณ์หรือพูดเรื่องนี้ได้ เราทราบดีอยู่แล้วว่าเหตุการณ์ภาคใต้เกิดขึ้นมาต่อเนื่องเป็นระยะๆ และเมื่อมีบางเหตุการณ์ก็จะถูกนำไปเชื่อมโยงจนได้ และตนมองว่า ควรจะใช้วิจารณญาณในการพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายทักษิณ มาปาถกฐาพิเศษเรื่องยาเสพติดนั้น มีมาตรการอะไรที่ตำรวจจะต้องแก้ไขหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.ได้เชิญนายทักษิณไปปาฐกถาเรื่องยาเสพติด แต่หลักๆ คือเน้นไปที่ความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด ที่เน้นในตำบล ชุมชน หมู่บ้าน และจะต้องไม่มีผู้ค้าเลย ซึ่งตั้งแต่ตนสมัยรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ก็ได้กำชับเรื่องนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชน โดยให้เก็บข้อมูลผู้ค้ายาในชุมชนหรือหมู่บ้านให้ได้ จากการขยายผล
อีกทั้ง กำหนดเป้าหมายเพื่อตัดวงจร และตรวจค้นจับกุมให้หมด รวมถึงมาตรการยึดทรัพย์ ซึ่งปฏิบัติการตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นในการประชุมเมื่อวานนี้ จนเป็นความเห็นที่สอดรับกัน จึงเสนอแนะว่าตำรวจกับกระทรวงมหาดไทยต้องจับมือกันทำเรื่องนี้ ซึ่งเราก็ทำงานร่วมกันมาตลอด และได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน จนเราผลการจับกุมผู้ค้ารายย่อยสูงมาก แต่คนขายก็ย่อมมีวิธีที่หลบหลีกเจ้าหน้าที่ แต่เราก็มีข้อมูลที่เก็บไว้ เพื่อช่วยกันดูแลทุกข์สุขในหลายเรื่องของประชาชน