ตร.ยัน “ชลัด” มือปาก้อนปูน ไม่ป่วยจิตเวช เตรียมคุมไปทำแผนบ่ายนี้

3 พฤษภาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุปาก้อนปูนใส่รถยนต์ บริเวณ ถ.บางนา-ตราด (ขาเข้า) ช่องทางด่วน แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 15.50 น. จนมีรถยนต์ของ น.ส.อรสินี ได้รับความเสียหาย และหวิดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง

ซึ่งต่อมาหลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ตำรวจได้มีการออกหมายจับในข้อหา พยายามฆ่า และสามารถจับกุม นายชลัด อายุ 45 ปี ผู้ก่อเหตุ ที่หลังก่อเหตุได้หลบหนีอยู่ บริเวณแยกถนนนวมินทร์ ตัดถนนประเสริฐ มนูญกิจ ก่อนคุมตัวมายัง สน.บางนา เพื่อดำเนินคดี เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (2 พ.ค.) ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบเคยถูกจับกุมในข้อหาต่างๆ ถึง12 ครั้ง 

 

ล่าสุด พันตำรวจเอก สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา เปิดเผยว่า ภายหลังจากการสอบปากคำ นายชลัด ผู้ต้องหา เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากอารมณ์ชั่ววูบ ประกอบกับดื่มสุราและเป็นคนเร่ร่อน

นอกจากนี้ตำรวจก็ยังให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสารเสพติด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอรายงานผลการตรวจ ส่วนอาการจิตเวชที่หลายฝ่ายกังวลว่า ผิดปกติ ซึ่งจากการพูดคุยสามารถตอบคำถามได้ และให้การได้ จึงเข้าข่ายไม่ใช่ผู้ป่วย หรือต้องส่งไปโรงพยาบาล


 

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ในช่วงบ่ายของวันนี้ พนักงานสอบสวนจะนำตัวนายชลัด ไปชี้ที่เกิดเหตุ เพื่อประกอบคำสารภาพ โดยในวันอาทิตย์ (4 พฤษภาคม) จะนำตัวนายชลัด ไปฝากขังศาลอาญาพระขโนง ในข้อหา “พยายามฆ่า” 


 

ตำรวจ สน.บางนา คุม "ชลัด" ทำแผนปาก้อนปูน
 

จากนั้นในช่วงบ่าย พนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้คุมตัว นายชลัด ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งทันทีที่มาถึง ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปที่จุดแรกบริเวณ ที่ นายชลัด ลงรถโดยสารประจำทางด้านหน้าการเคหะบางนา บริเวณถนนบางนา-ตราด ขาเข้า ก่อนจะเดินไปหยิบหินตัวหนอน 2 ก้อน ที่ด้านหน้าแฟลตฯ ใส่ถุงพลาสติก ขึ้นไปที่จุดที่ 3 บนสะพานลอยคนข้าม ก่อนที่จะเขวี้ยงหินดังกล่าวต่อเนื่องกัน 2 ครั้ง จากนั้นเมื่อเขวี้ยงหินเสร็จแล้วผู้ก่อเหตุได้เดินข้ามสะพานลอย มาลงที่บริเวณถนนบางนา-ตราดขาออก และขึ้นรถโดยสารประจำทางหลบหนีไป


ซึ่งระหว่างการควบคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้ก่อเหตุยืนยันว่า หลังจากนี้ตัวเองจะไม่กระทำความผิด พร้อมสัญญาว่า จะไม่ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวอีกแล้ว โดยยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุมาแล้ว 12 ครั้ง เบื้องต้นขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำลงไปกับผู้เสียหายทุกคน