ผ่าคดี “ตึก สตง.” กะเทาะปมปัญหา ยังไม่ฟันธงสาเหตุการถล่ม

25 เมษายน 2568 ตึก สตง.ถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ขณะนี้ใกล้จะครบ 1 เดือนเต็ม แต่คดีต่างๆ เพื่อกระชากหน้ากากคนผิด ดูจะยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร

 

ไล่เรียงคดี สตง. ดังนี้

 

 

คดีตั้งต้นมี 3 คดี นับเฉพาะคดีที่จะส่งผลในทางอาญา ไม่ใช่การสอบหาข้อเท็จจริง 

1. คดี “นอมินี” - ใช้คนไทยถือหุ้นแทนคนจีน ในบริษัททุนจีน แต่ไม่ได้มีอำนาจในบริษัทจริงๆ  คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ
2. คดี “ฮั้วประมูล” - คดีนี้ ทั้งดีเอสไอ และตำรวจ ร่วมกันสืบสวนสอบสวน
3. คดีใช้ใบกำกับภาษีปลอม - เป็นบริษัททุนจีนที่ผลิตเหล็ก เป็นคดีแทรกเข้ามา  กรมสรรพากรร้องทุกข์มาที่ดีเอสไอ

 

กะเทาะปัญหา

 

1. คดี “นอมินี” โทษไม่สูง และคดีเก่าๆ ศาลพิพากษารอลงอาญา ผู้กระทำผิดไม่ได้ติดคุกจริง โทษปรับก็หน่อมแน้ม (หากเทียบกับทุนใหญ่ที่เข้ามา)
2. คดี “ฮั้วประมูล” หาก สตง.ไม่ร่วมมืออย่างเต็มกำลัง จะหาหลักฐานได้หรือไม่ และ สตง.จะร่วมมือแค่ไหน เพราะเท่ากับเล่นงานตัวเอง
3. คดี “ใช้ใบกำกับภาษีปลอม” ยังไม่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับคดีตึกถล่มหรือไม่

 

จะเห็นได้ว่า 3 คดีที่ตั้งต้นเอาไว้ ไม่ได้ตอบในสิ่งที่คนไทยอยากรู้ คือ สาเหตุ ตึก สตง.ถล่มเพราะอะไร และจะเอาผิดใครได้บ้าง?

 

ประเด็นนี้ ผู้สอบสวน หรือตรวจสอบ คือ คณะกรรมการที่มี รองนายกฯอนุทิน ชาญวีรกุล ในฐานะ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน

 

ปัญหาคือ ในทางวิศวกรรม กลุ่มที่เป็นนักวิชาการ ไม่ต้องการให้เร่งฟันธงสาเหตุตึกถล่ม และพุ่งเป้าไปที่ “การออกแบบ” เป็นหลัก

 

หากสุดท้าย “แบบผิด” แล้วบริษัทที่ชนะประมูล “สร้างตามแบบ” บริษัทก็รอด แต่คนออกแบบ ซึ่งเป็นคนไทย จะโดนดำเนินคดีแทน

 

 

แต่ฟังจากคนในรัฐบาล ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีมวยล้ม เพราะทุกคดี ทุกข้อกล่าวหา จะเข้าสู่กระบวนการ “รับเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติ”

 

• ทั้งเรื่องใบกำกับภาษีปลอม
• เรื่องสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม
• เรื่องฮั้วประมูล
• เรื่องนอมินี ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม บอกว่า จะไม่จบแค่ “คดีนอมินี” แต่รัฐบาลต้องออกมาตรการมาแก้ไขปัญหาบริษัททุนจีน

 

ส่วนคดีตึกถล่ม ขณะนี้มีหลักฐานการไม่มีวิศวกรควบคุมงานที่แท้จริง

 

อีกด้านหนึ่ง คือการเอาผิดโรงงานผลิตเหล็ก หลอมเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งด้านหนึ่ง ก็คือ การ “กระชับพื้นที่ทุนจีน” และอีกด้าน คือ “การหาความเชื่อมโยงเหตุตึกถล่ม”

 

 

งานนี้ได้ข่าวจาก นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ว่าจะลุยดำเนินคดีในทุกข้อหาที่แจ้งข้อหาได้ ไม่ว่าจะเป็น

• พ.ร.บ.โรงงาน
• พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ พ.ร.บ. มอก.
• พ.ร.บ.วัตถุอันตราย เช่น กรณีฝุ่นแดงที่พบในโรงงาน และยังชี้แจง “ที่มา” ไม่ได้
• พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า หรือ พ.ร.บ. กขค.
• พ.ร.บ.สรรพากร
• การใช้แรงงานต่างด้าว และขยายผลไปถึงเจ้าของกิจการ และผู้บริหาร