"ต้นอ้อ" บุกช่วย 6 ขวบ พ่อแท้ๆทุบตีบุหรี่จี้ โมโหที่ลูกโยนมือถือ

11 มีนาคม 2568 "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงานและเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัวกับ พม.กรุงเทพ ได้ลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือเด็กหญิง 6 ขวบ ที่ถูกโซเชียลมีเดียอ้างว่าถูกพ่อแท้ ๆ ใช้บุหรี่จี้ที่หลังและทำร้ายร่างกาย ในอาคารชุดแห่งหนึ่งภายในซอยอินทามระ 25 โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ มาอำนวยความสะดวกและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่

ทันทีที่ขึ้นมาที่ห้อง พบว่า น้องอยู่ในห้องพร้อมกับพ่อ แม่ และเด็กอีกคน รวมทั้งมีป้าของแม่เด็ก และยายทวดอยู่ด้วย ทางทีมงานเป็นหนึ่งจึงได้แยกตัว น้องออกมา ขณะที่ทางตำรวจ สน.บางซื่อ นำโดย พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป. สน.บางซื่อ ได้เข้าไปพูดคุยกับพ่อเด็กทันที 

ทั้งนี้ พ่อเด็กยอมรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองเป็นคนใช้ไม้แขวนเสื้อตีลูกจริง แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้ใช้บุหรี่จี้เด็กตามที่มีการกล่าวอ้าง 

ขณะที่ ต้นอ้อ หลังจากที่ได้พูดคุยกับเด็ก ได้มาสอบถามย้ำกับพ่อเด็กอีกครั้งว่า ได้ใช้บุหรี่จี้เด็กหรือไม่ พ่อเด็กก็ย้ำว่า ไม่ได้ทำ ต้นอ้อจึงถามต่อไปว่า ได้มีการเตะหน้าน้องหรือไม่ เพราะน้องอ้างว่าถูกพ่อเตะหน้า พ่อน้องก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่า "ไม่ได้ทำ" 

พ.ต.ท.วรภัทร กล่าวว่าหลังจากนี้ จะพาพ่อเด็กไปทำประวัติและสอบปากคำ เบื้องต้นจะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายและข้อหาตาม พ.ร.บ.ครอบครัว 

"ขอประชาสัมพันธ์ว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวนั้น มีความผิดตามกฎหมายอาญา จะมาอ้างว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวไม่ได้ จึงขอฝากพี่น้องประชาชนว่า หากพบเห็นความรุนแรงในครอบครัว โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที"

ด้าน นายป๊อด (นามสมมติ) พ่อของเด็กหญิงวัย 6 ขวบเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากน้องพักอาศัยอยู่กับทวดของน้อง แล้วปรากฏว่า ขณะที่น้องอยู่กับย่าและเล่นโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์เกิดแบตหมด เลยขว้างปาโทรศัพท์และทำลายข้าวของ จนทวดต้องโทรเรียกให้ตนมาสั่งสอน 

ตนได้มาพูดจาสั่งสอน แต่เนื่องจากเห็นว่า ลูกมีพฤติกรรมเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว เคยขว้างปาโทรศัพท์มากกว่า 10 เครื่องในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งตัวน้องเองมีนิสัยเอาแต่ใจตนเองเป็นประจำ พูดจาอบรมสั่งสอนหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ฟัง ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงเกินไปและยอมรับว่าตนเองก็โมโห จึงได้ใช้ไม้แขวนเสื้อตีไปที่หลังของน้องประมาณ 4-5 ที และที่แขนประมาณ 2-3 ที 

นายป๊อด ยอมรับว่า ตอนที่ตนตีลูกไปนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด แต่เนื่องจากมีเจตนาที่จะอบรมสั่งสอนลูกให้หลาบจำเท่านั้น เมื่อลูกร้องไห้ตนก็หยุดตีแล้วก็ขอโทษลูกทำทั้งค่อย ๆ พูดสั่งสอนลูกดี ๆ ซึ่งลูกก็รับฟัง 

ส่วนประเด็นที่ถูกกล่าวอ้างว่า ทุบตีลูกบ่อยเนื่องจากทะเลาะกับแฟน รวมทั้งกล่าวหาว่าติดยาเสพติดและใช้บุหรี่จี้หลังน้องนั้น ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวที่ถูกกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย ตนไม่เคยทะเลาะกับแฟนแม้แต่ครั้งเดียวและไม่เคยลงมือตีลูกมาก่อน 

"นี่เป็นครั้งแรกที่ลงมือตีลูก เพราะมองว่าพฤติกรรมของลูกในครั้งนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เรื่อใช้บุหรี่จี้ยืนยันว่าไม่ได้ทำและไม่เป็นความจริง ใครก็ตามที่กล้าเอาบุหรี่จี้หลังลูกนั้นก็ไม่ใช่คนแล้ว" 

อย่างไรก็ตาม คุณพ่อยอมรับและสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าหลังจากนี้ จะปรับเปลี่ยนแนวทางและวิธีการสอนลูกใหม่ แต่ยอมรับว่า ทั้งตนและแฟนเป็นคนหาเช้ากินค่ำ เลยไม่ได้มีเวลาอยู่กับลูก ซึ่งหลังจากนี้ตนและแฟนจะให้เวลากับลูกมากขึ้นและพร้อมที่จะพูดคุยกับคุณต้นอ้อเป็นหนึ่งเพื่อหารือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว 

ส่วนประเด็นที่ป้าของน้องไปโพสต์ Facebook กล่าวหาตนนั้น คุณพ่อกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวสืบเนื่องมาจากป้าของน้องมีปัญหาส่วนตัวกับแฟนของตน ซึ่งทั้งคู่เป็นพี่น้องกันและมีปัญหากันเรื่องของการกู้ยืมเงิน พอมีการทวงถามก็เกิดการทะเลาะกันทั้งสองฝ่าย ตนก็ไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดถึงต้องใส่ร้ายตนและแฟนในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะหาว่าตนทะเลาะกับแฟนและใช้บุหรี่จี้ลูกซึ่งก็ไม่เป็นความจริง หลังจากนี้เมื่อตนพูดคุยกับทางต้นอ้อเป็นหนึ่งเสร็จ ตนจะไปที่ สน.บางซื่อ เพื่อแจ้งความเอาผิดป้าของน้องในเรื่องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาต่อไป เพราะทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกสังคมตีตราทัวร์ลงอย่างมาก 

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวพ่อและแม่ของน้องไปสอบปากคำที่ สน.บางซื่อ โดยในส่วนของคุณแม่น้องนั้น ระหว่างที่คุมตัวออกจากห้อง ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามแม่น้องถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แม่น้องไม่ตอบคำถามใด ๆ 

ขณะที่คุณต้นอ้อ ได้ให้ผู้สื่อข่าวได้ดูถึงร่องรอยบาดแผลที่ปรากฏบริเวณแขนและช่วงขาที่เป็นรอยที่ไหม้ 2 จุด พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เบื้องต้นจะให้ทาง เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำตัวเด็กแยกออกมาจากครอบครัวก่อน โดยให้นำไปพักที่บ้านพักเด็กและเยาวชนของกรุงเทพในระหว่างการสอบสวนคดี ส่วนพ่อเด็กนั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย 

ต้นอ้อ บอกอีกว่า ในระหว่างที่เข้าไปพูดคุยกับน้องผู้เสียหายนั้น น้องผู้เสียหายยังมีท่าทีที่กลัวและเรียกพ่อของน้องว่า "ไอ้ป๊า" และยังเล่าอีกว่าน้องถูกพ่อเตะเข้าที่หน้าและใช้บุหรี่จี้ที่ขา นั่นจึงทำให้ตนไม่ปักใจเชื่อในคำพูดของพ่อที่อ้างว่า เพียงเพราะน้องขว้างปาสิ่งของจนต้องใช้ไม้แขวนเสื้อตีสั่งสอน มองว่าต่อให้ลูกจะมีพฤติกรรมอย่างไร ก็ไม่ควรที่จะใช้อารมณ์โมโหในการมาทำร้ายน้องเช่นนี้ ต่อให้คนในครอบครัวอ้างว่าน้องจะมีพฤติกรรมดื้อก็ตาม เลยทำให้ตนรู้สึกว่าน้องน่าจะไม่ปลอดภัยหากอยู่กับครอบครัว 

ส่วนประเด็นที่พ่อน้องอ้างว่าถูกน้องสาวของแฟนนำเรื่องราวต่าง ๆ ไปโพสต์เพื่อประจานและใส่ความเสียหายนั้น ตนมองว่าเป็นคนละประเด็นกันและไม่ควรนำมาเชื่อมโยง เพราะประเด็นเรื่องส่วนตัวของผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไป 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับป้าของแม่เด็ก ก็ยืนยันว่าน้องมีนิสัยดื้อรั้นและขว้างปาโทรศัพท์จริง รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกที่พ่อตีน้องจริง ๆ อาจจะด้วยเพราะว่าหมดความอดทน แต่หลังเกิดเหตุตนก็ได้ต่อว่าพ่อของน้องไปว่าทำไมต้องตีน้องแรงขนาดนี้ ซึ่งพ่อน้องก็ยอมรับผิด โดยยอมรับว่า พ่อและแม่น้องนั้นไม่มีเวลาดูแลลูก จึงทำให้ตนรับหน้าที่ดูแลน้องคนนี้แทนพ่อแม่ ยืนยันว่าน้องไม่ได้ถูกบุหรี่จี้และถูกเตะหน้าตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด 

เช่นเดียวกับทวดของน้องที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่พ่อตีน้อง แต่ ยอมรับว่าตนเป็นคนโทรแจ้งให้พ่อมารับน้องไปจริงเพราะน้องดื้อจนดูแลไม่ไหวแล้ว พอทราบเรื่องว่าพ่อตีน้อง ตนก็ได้พูดจาต่อว่าและตำหนิพ่อน้องไปเช่นเดียวกันว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ซึ่งหลังจากนี้ตอนยืนยันว่า ตนและป้าของแม่น้องจะนำน้องคนนี้มาดูแลด้วยตนเอง ไม่ให้พ่อเขาดูแลอีกแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอยอีก