ครอบครัวนำร่าง "ผกก.โจ้" ส่งชันสูตรซ้ำ เผยสาเหตุไม่เชื่อมั่นเรือนจำฯ

9 มีนาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของ อดีต "ผู้กำกับโจ้" หรือ ธิติสรรค์ อุทธนผล ในเรือนจำกลางคลองเปรม โดยญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากมีข้อพิพาทกับผู้คุมและผู้ต้องขังร่วมเรือนจำ 

ต่อมา วันนี้ ได้มีการผ่าชันสูตรศพ ผกก.โจ้ โดยแพทย์นิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการผ่าชันสูตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น โดยผลชันสูตรเบื้องต้น ให้น้ำหนักไปที่ การผูกคอเสียชีวิต ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ล่าสุด ช่วงบ่ายวันนี้ ครอบครัวของ ผกก.โจ้ โดยแม่ น้องสาว และแฟน รวมถึงญาติของ ผกก.โจ้ ได้นำร่างของ ผกก.โจ้ ออกจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม โดยนำขึ้นรถมูลนิธิ เพื่อไปส่งชันสูตรซ้ำที่ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 

ซึ่งระหว่างนำร่างของ  ผกก.โจ้ ขึ้นรถ น้องสาวได้ก้มลงกอดร่างของพี่ชายด้วยความโศรกเศร้า จากนั้นแม่ และแฟนของ ผกก.โจ้ ได้นั่งไปพร้อมกับรถมูลนิธิ เพื่อยังไปนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ

จากนั้น เวลา 14.00 น.รถมูลนิธิ ได้นำร่างของ ผกก.โจ้ มาถึงที่ นิติเวชฯ โรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนร่างไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บศพ เพื่อรอทำการผ่าชันสูตรพลิกศพ โดยระหว่างที่เคลื่อนร่างไปห้องเก็บศพ แฟนสาว และแม่ของ ผกก.โจ้ ได้ร้องไห้ และจับร่างของผู้กำกับโจ้ ส่วนญาติ ได้พูดกับผู้กำกับโจ้ว่า "อยู่ที่นี่ 1 คืนก่อนนะ" ด้วย 

คุณทราย แฟนของ ผกก.โจ้ และแม่ของผู้กำกับโจ้ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยคุณทราย เปิดเผยว่า การมาชันสูตรอีกครั้ง ก็อยากจะทำทุกอย่างให้ได้เยอะที่สุดและดีที่สุด เพราะสิ่งสุดท้ายที่พี่โจ้อยากให้ทำให้คือการทวงความยุติธรรมให้เขา 

ส่วนเป็นเพราะการไม่เชื่อผลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หรือไม่นั้น คุณทราย บอกว่า "ในวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างมันบิดเบือนได้ทั้งหมด พี่โจ้อยู่ในนั้นถูกทำร้ายร่างกาย เราแค่จะแจ้งความก็ทำไม่ได้ พี่โจ้เสียชีวิตแล้วบอกจะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้พาไป แล้วหนูจะเชื่อได้อย่างไรว่าอะไรทุกอย่างจะเป็นจริง เพราะหนูไม่ได้เห็นกับตา และกลายเป็นคนที่ไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆขนาดนั้น”

และตนเองรู้ว่า พี่โจ้ เป็นทุกข์จากการถูกกลั่นแกล้งรังแกจากการถูกทำร้ายร่างกาย และใจเขายังสู้อยู่ วันนี้จึงต้องมาชันสูตรเพิ่มเติมอีกที่หนึ่ง

ส่วนทางเรือนจำแถลงข่าวบอกว่า พี่โจ้มีความต้องการที่จะถูกขังเดี่ยว คุณทราย บอกว่าได้ติดตามการแถลงข่าวแล้ว และยืนยันย้ำว่า ไม่เป็นความจริง พี่โจ้ ไม่ได้อยากถูกขังเดี่ยว เพราะที่ผ่านมาที่ต่อสู้และร้องเรียน ก็เพื่อจะเอาพี่โจ้ออกมาจากการถูกขังเดี่ยว เนื่องจากเขาไม่มีความผิด เป็นการถูกกล่าวหาว่ากระด้างกระเดื่องทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย

และการที่เรือนจำออกมาบอกแบบนั้น รวมถึง เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ได้ยินได้เห็นกับตาตัวเอง รวมถึงที่เรือนจำแจ้งว่า ได้พาพี่โจ้ไปส่งโรงพยาบาล แต่พอดูกล้องวงจรปิดกลับไม่เห็นการช่วยเหลือใดๆ เลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกถึงความไม่ปกติ และทำให้ตนเองรู้สึกว่า เรือนจำเป็นคนที่ไม่สามารถเชื่อถือได้ เพราะคนเราจะสามารถโกหกบิดเบือนความจริงได้ถึงขนาดนี้ต้องเป็นคนที่คิดมาเยอะมากๆ ต้องตั้งใจและต้องมีใจที่ไม่ดี และหลังจากนี้ตนเองคงไม่สามารถเชื่ออะไรกับสิ่งเหล่านี้ได้

คุณทราย ยังบอกย้ำถึงกรณีที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปสอบปากคำเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำด้วยว่า เรือนจำไม่อนุญาตให้เข้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะคดีอื่นๆ ตนเองเคยเข้าไปร่วมรับฟัง หรือแม้บางครั้งตนเองจะไม่ได้เข้าไป ยังไงตำรวจก็มีสิทธิเข้าไปสอบปากคำพี่โจ้ แต่คดีที่เราแจ้งความถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย ถึงเข้าได้สอบปากคำไม่ได้ ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกว่า เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง

ทั้งนี้ ก่อนที่ ผกก.โจ้ จะกลับเข้าไปยังห้องขัง ก่อนหน้านั้น ก็ยังพูดคุยกับตนเองที่มาเยี่ยม ซึ่งตอนนั้น ผกก.โจ้ ยังบอกว่าจะสู้ ให้ช่วยเหลือ ยังดูมีกำลังใจ

"ยอมรับว่า หากเขาทำร้ายตัวเองด้วยการผูกคอจริง คงเป็นเพราะเกิดจากความกดดัน เพราะทุกอย่างที่ครอบครัวร้องเรียนเขาถูกรังแก แล้วก็ถูกกดดัน เราจึงทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหลุดพ้นจากตรงนั้น" แฟนสาวของ ผกก.โจ้ ระบุ

คุณทราย บอกอีกว่า เชื่อว่า พี่โจ้ก็รู้ว่าตนเองและครอบครัวสู้เพื่อเขาจนถึงที่สุด ตั้งแต่เข้าไปในเรือนจำ รวมถึงที่เกิดเรื่อง 2 เดือนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ไม่มีวันไหนที่ครอบครัวไม่เต็มที่ ไม่ว่าสิ่งที่ตนเองทำในวันนี้จะสามารถช่วยพี่โจ้ได้หรือไม่ ไม่ว่าจะทวงความยุติธรรมอะไรได้หรือไม่ ตนเองและครอบครัวก็ทำเต็มที่จริงๆ 

"หนูก็ยังเชื่อว่า แม้เรือนจำจะพยายามบิดเบือนความจริงๆ เปลี่ยนแปลง ปกปิด หรือช่วยเหลือใครใดๆ ก็แล้วแต่ แต่หนูก็ยังเชื่อในรัฐมนตรี และกรรมสิทธิฯต่างที่วันนี้เข้ามาช่วยเหลือว่าจะสามารถช่วยเหลือพี่โจ้ได้เพราะพี่โจ้ถูกรังแกจริงๆ" คุณทรายกล่าว

คุณทราย บอกด้วยว่า พี่โจ้ประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต พี่โจ้ก็ต้องรับโทษ ท่านทำร้ายร่างกายคนโดยไม่มีเหตุจำเป็น ท่านกดดัน กลั่นแกลัง ดูถูกเหยียดหยาม ท่านก็ต้องได้รับโทษเหมือนกัน



ส่วนกรณีการยื่นตรวจสอบผู้คุม แม่ของผู้กำกับโจ้ ซึ่งถือเป็นการเปิดใจครั้งแรก บอกว่า  ครอบครัวยื่นมานานแล้ว ยื่นไปหลายฉบับ ตั้งแต่ ผบ.คนเก่า ก็ยื่นไป 2 ฉบับ ก็เงียบ ผบ.คนใหม่ ก็ยื่นไป 2 ฉบับก็เงียบ แล้วยังมาเรียกให้ไปตกลงกับเขา เพื่อให้เราถอนแจ้งความ แต่เราไม่อยากถอน แล้วเขายังบอกจะเอาหลักฐานอะไรมาสู้เขาได้ เขาก็ต้องปกป้องคนในบ้านเขา ซึ่งแม่ก็รับรู้มาตลอดและรู้สึกสงสารลูกมาตลอด

ส่วนกรณีกรมราชทัณฑ์ เปิดภาพวงจรปิดหลังจาก ผกก.โจ้ เข้าไปในห้องนอน แล้วไม่มีใครเข้าไปจนมาพบว่าเสียชีวิต แม่ บอกว่า ก็ยังคลางแคลงใจอยู่ และตอนที่ลูกถูกทำร้าย แล้วก็ไม่พาไปหาหมอ

ส่วนเรื่องผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอทำร้ายตัวเอง แม่ถามกลับเลยว่า "เรื่องผ้า 50 เซนติเมตร ไปผูกคอตัวเองยังไง แล้วไปผูกลูกกรงยังไง กว้างหนึ่งฟุต ยาว 50 เซนติเมตร จะผูกยังไง แล้วจะสงสัยกันมั้ย"

นอกจากนี้แล้ว คุณทราย แฟนของ ผกก.โจ้ ได้กล่าวเสริมว่า เรื่องผ้าผูกคอ ตนเองก็ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ขนาดคำพูดท่านยังกล้าพูดกับตนเองอย่างหนึ่ง พูดกับนักข่าวอย่างหนึ่ง ดังนั้นอะไรก็พูดได้ 

มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ จะทำการผ่าชันสูตรร่างของ ผกก.โจ้ จากนั้น 15.00 น. ทางครอบครัวจะรับร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยจะสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 7 คืนแล้วจะเก็บร่างไว้ก่อนยังไม่ทำการเผาร่างของ ผกก.โจ้ จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม