เปิดผลชันสูตร ผกก.โจ้ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยสาเหตุการเสียชีวิต

9 มีนาคม 2568 จากเหตุ ผกก.โจ้ จำเลยคดีคลุมถุงดำ อดีต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ปัจจุบันถูกถอดยศแล้ว ก่อเหตุผูกคอตาย เสียชีวิตในเรือนจำคลองเปรม แดน 5 ขณะถูกแยกขัง เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยญาติติดใจการเสียชีวิตเนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้กำกับโจ้ ร้องเรียนว่า ถูกผู้คุมทำร้าย และทะเลาะกับนักโทษรายหนึ่งนั้น

     

ล่าสุด วันนี้ ได้มีการผ่าชันสูตรศพ ผู้กำกับโจ้ โดยแพทย์นิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการผ่าชันสูตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น

 

 

จากนั้น ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ บอกว่า การชันสูตรพลิกศพวันนี้ มีผู้สังเกตการณ์ ตัวแทนญาติ ตัวแทนตำรวจ และตัวแทนของคณะกรรมการชันสูตร 4 ฝ่าย คือ พนักงานสอบสวน ฝ่ายปกครอง อัยการ และคณะกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย

 

โดยการผ่าชันสูตรศพเรื่องของการเสียชีวิต เท่าที่ได้ตรวจเบื้องต้น ผลชันสูตรให้น้ำหนักไปที่ การผูกคอเสียชีวิต เพราะเรื่องการถูกทำร้ายอื่นๆไม่พบ ไม่พบบาดแผลที่มีความชัดเจน และร่องรอยอื่นๆจะมีรอยแผลฟกช้ำบริเวณสะโพก และหลัง เป็นรอยช้ำเก่า โดยจะมีการตรวจเพิ่มเติมของเนื้อเยื่ออีกครั้งว่าระยะเวลาของการบาดเจ็บเกิดขึ้นช่วงใด

  

 

ส่วน สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการขาดอากาศหายใจ จากการผูกคอ และเท่าที่ดูให้น้ำหนัก เกิดจากการกระทำด้วยตนเอง เพราะลักษณะของแรงที่เกิดขึ้นไม่พบรอยช้ำของเนื้อเยื่อใต้ลำคอ ใต้รอยรัด และไม่พบการช้ำของกล้ามเนื้อลำคอ ไม่พบการบาดเจ็บของกระดูกกล่องเสียง จึงให้เหตุผลว่า แรงที่มากระทำไม่เยอะมากพอแรง ที่จะมากระทำไม่เยอะมาก เข้าได้กับการที่ผูกคอเสียชีวิต ไม่ใช่จากการรัดคอ

ส่วนผ้าขนหนู ตนเองไม่เห็น แต่รอยแผลเข้าได้กับลักษณะของผ้า เพราะลักษณะความกว้าง มีความกว้างกว่ารอยเชือก โดยมีความกว้างประมาณ 1.4 เซนติเมตร

 

ผศ.นพ.วรวีร์ ยังบอกถึงกรณีที่ญาติสงสัยเลือดที่ออกบริเวณพื้นในขณะที่เข้าไปดูการชันสูตรที่เรือนจำ ว่า เลือดที่ออกดังกล่าว จากการสอบถามคณะแพทย์ที่ชันสูตร สงสัยได้ว่า เลือดจะออกมาจากการเสียชีวิต อาจจะมีของเหลวในร่างกายออกมาคล้ายเลือดหลังเกิดการเสียชีวิต อาจจะออกทางปากหรือทางบริเวณอื่น หรือจากบาดแผล มีพบลักษณะแผลถลอกที่แขน โดยทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานเก็บของเหลวดังกล่าวไปตรวจสอบแล้ว จะต้องรอผลการวิเคราะห์ว่า ของเหลวดังกล่าว เป็นเลือดหรือของเหลวที่ไหลออกมาหลังการเสียชีวิต

 

ส่วนแผลถลอก ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร แต่จากการสอบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เห็นตั้งแต่ช่วงที่ไปชันสูตรศพ อาจจะเกิดขึ้นช่วงที่มีการนำร่างออกมา อาจจะไปครูดกับของแข็งบางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจอตั้งแต่ชันสูตรในที่เกิดเหตุ เป็นแผลเพิ่งเกิดใหม่

 

ส่วนเนื้อเยื่อ ที่เล็บและจุดอื่นๆต้องใช้เวลาในห้องปฏิบัติการทำการตรวจสอบ รวมถึงจะต้องตรวจสอบสารพิษต่างๆ สารต่างๆในร่างกายด้วย และเท่าที่ตรวจสอบดูยังไม่พบเป็นเม็ด ทั้งนี้จะต้องทำการตรวจสอบเลือด ปัสสาวะ ในห้องปฏิบัติการก่อน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ และผลชันสูตรละเอียดจะต้องรอผลประมาณ 2-4 สัปดาห์เช่นกัน

  

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มกระบวนการผ่าชันสูตร ได้พูดคุยกับญาติว่า มีประเด็นตรงไหนบ้างที่ติดใจสงสัยเพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม โดยทางทางญาติสงสัย บริเวณกระดูกชายโครง จึงได้ตรวจโดยใช้เครื่องTCสแกน เพื่อจะดูว่าหากเป็นการบาดเจ็บในอดีต ตามที่ญาติบอกว่าเกิดขึ้นประมาณ 2 เดือนแล้ว จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงต้องใช้เครื่อง TCสแกน ทำการตรวจ และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผล แล้วจะระบุไปในรายการผลการชันสูตรโดยละเอียด

 

 

ขณะที่นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของผู้กำกับโจ้ บอกว่า หลังจากนี้ทางครอบครัวจะส่งร่างของผู้กำกับโจ้ ไปตรวจพิสูจน์ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อีกรอบ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลของทั้ง 2 แห่ง โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีอะไรที่ขัดแย้งกันกับทางเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อความสบายใจของทางครอบครัวเท่านั้น

 

ส่วนการผ่าชันสูตรพลิกศพ ผู้กำกับโจ้ วันนี้ เป็นที่น่าพอใจ เพราะทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามต้องรอดูผลจากทางแพทย์และรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง เพื่อความชัดเจน

  

สำหรับผ้าขนหนูที่ทางผู้กำกับโจ้ ใช้ก่อเหตุนั้น ทางครอบครัวยังเห็นไม่แน่ชัด เพราะเจ้าหน้าที่มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเอาไว้

  

ส่วนทางครอบครัวยังติดใจสาเหตุการตายของผู้กำกับโจ้ อยู่หรือไม่นั้น นายวีรศักดิ์ บอกว่า ก็ต้องดูข้อเท็จจริงในส่วนของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ เราก็ต้องรวบรวมข้อมูลก่อน

 

 

ขณะที่ในทางคดีที่ สน.ประชาชื่น นายวีรศักดิ์ ย้ำว่า ต้องรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงก่อนเช่นกัน และให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตอบว่ารายละเอียดเป็นแบบไหน อย่างไรบ้าง เราจึงจะดำเนินการต่อได้ เพราะเราก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่า ทางญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต

 

ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ นายวีรศักดิ์ บอกว่า ก็ต้องรอดูแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ยอมรับว่า ทางครอบครัวยังติดใจอยู่ โดยเฉพาะเรื่องมูลเหตุและแรงจูงใจ พร้อมยืนยันว่าการส่งศพชันสูตรในรอบที่ 2 เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องติดใจ แต่เพื่อเป็นการให้สิ้นข้อสงสัยเท่านั้น

 

ส่วนเรื่องที่ผู้กำกับโจ้ถูกขังเดี่ยวนั้น ทนายความย้ำ ว่า ไม่ได้สมัครใจจะขังเดี่ยว เพราะเขาแจ้งกับทางญาติและทางทนายมาตลอดว่า อยากออกจากขังเดี่ยว เขาไม่ได้เป็นคนขอ ซึ่งการถูกขังเดี่ยวคล้ายกับถูกทำโทษ โดยผู้กำกับโจ้ ถูกขังมาเป็นเวลา 2 เดือนกว่าแล้ว และยังไม่มีการสอบวินัย หลังเจ้าตัวถูกทำร้ายและทางญาติได้ไปแจ้งความ แต่ถูกแยกควบคุมก่อน

 

ส่วนคลิปวงจรปิดที่ทางกรมราชทัณฑ์เผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงค่ำวานนี้(8มี.ค.2568) ทางครอบครัวเห็นแล้ว แต่ได้เห็นเป็นช่วงๆ ซึ่งทางครอบครัวอยากให้มีการตรวจสอบของทั้งวันที่เกิดเหตุ ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ และอยากให้มีดิจิทัลฟุตพริ้นท์ออกมาดู เพราะในวันเดียวกันที่ได้เข้าไปเยี่ยม ผู้กำกับโจ้ก็ยังมีท่าทีปกติ

 

ทั้งนี้หลังเกิดเรื่องผู้คุมที่เป็นคู่กรณีได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายวีรศักดิ์ ระบุว่า ยังไม่ได้เจอผู้คุมคู่กรณีเลย เพราะเป็นเรื่องภายในและเห็นว่าอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งเราไม่ได้เน้นย้ำอะไร

 

 

ด้าน นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนกลางสอบสวนคดีอาญา กรมการปกครอง ยังตอบถึงประเด็นช่วงที่เข้าไปสังเกตการณ์ในห้องขังเดี่ยว ที่เกิดเหตุ ว่า ตอนที่เข้าไปสังเกตการณ์ในห้องขัง เห็นลักษณะผ้าที่ใช้ก่อเหตุเป็นผ้าขนหนูผืนเล็ก คล้ายกับผ้าขนหนูที่เอาไว้เช็ดผมตามโรงแรม ซึ่งในที่เกิดเหตุพบผ้าถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน คาดว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์น่าจะใช้มีดตัด เพื่อช่วยเหลือผู้กำกับโจ้ เพราะชิ้นส่วนหนึ่งยังผูกติดไว้กับลูกกรงตรงประตู ส่วนอีกชิ้นเป็นชิ้นผ้าที่ถูกตัดติดอยู่กับศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บเอาไปตรวจสอบแล้วว่าเป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตได้หรือไม่

 

เมื่อถามว่า ผ้าขนหนูที่พบมีลักษณะถูกฉีกแล้วมัดผูกต่อๆ กันหรือไม่ นายรัฐวิช บอกว่า “เห็นเป็นผ้าผืนเดียว” ส่วนในห้องขังที่เกิดเหตุไม่พบวัตถุอื่นๆ นอกจากกล่องยา และของใช้ส่วนตัวเล็กน้อย

 

 

จากนั้นเวลา 13.05 น. ครอบครัว โดยแม่ น้องสาว และแฟน รวมถึงญาติของผู้กำกับโจ้ ได้นำร่างของผู้กำกับโจ้ ออกจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ขึ้นรถมูลนิธิ เพื่อส่งชันสูตรรอบ 2 ที่ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

 

โดยระหว่างนำร่างของผู้กำกับโจ้ ขึ้นรถ น้องสาวได้ก้มลงกอดร่างของพี่ชายด้วยความโศกเศร้า จากนั้นแม่ และแฟนของผู้กำกับโจ้ ได้นั่งไปพร้อมกับรถมูลนิธิ เพื่อยังไป นิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์