เปิดคำสารภาพเมียโหด รวมหัวลูกชาย วางแผนสังหารสามีตัวเอง
เปิดคำสารภาพเมียโหด รวมหัวกับลูกชายคนโต วางแผนสังหารสามีตัวเอง พร้อมเล่าย้อนไทม์ไลน์ ก่อนนำร่างมาทิ้งไว้ในป่าข้างทาง
กรณีพบศพชายไทย ทราบชื่อต่อมาคือ นายวัชระ นกงาม หรือ "ลุงเบื้อก" อายุ 52 ปี ชาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ถูกทิ้งในป่าริมถนนสาย ฝั่งขาเข้าสัตหีบ หลัก กม.25 / 100-200 หมู่ 10 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมีถุงกระสอบปกคลุมร่างเอาไว้ ซึ่งผู้ที่ไปพบศพคนแรกคือเจ้าหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา จากสภาพศพคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 วัน
ต่อมา ตำรวจได้ติดต่อตามเบอร์โทรศัพท์ในกระดาษที่พบในตัวผู้ตาย ทราบว่าเป็นภรรยา คือ นางรัตติกาล นกงาม อายุ 46 ปี โดยตำรวจได้ไปเชิญตัวมาจาก อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง พอตำรวจนำบัตรประชาชน ที่เจอในศพผู้ตายมาแสดง เธอก็ยืนยันว่าเป็นบัตรของสามี พร้อมกับให้การว่า ปัจจุบันเธอกับสามีแยกกันอยู่ แต่ไม่ได้เลิกกัน และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ( เป็นลูกสาววัย 7 ขวบ ) โดย สามี ทำงานเป็น รปภ. ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (PCS) ในอำเภอมาบตาพุด จ.ระยอง ล่าสุด สามีเพิ่งกลับมาเยี่ยมลูกสาวเพราะเลือดกำเดาไหล ที่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เมื่อพฤหัสบดีที่ 27 ก.พ.2568 จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับสามีเลย แต่โดยปกติแล้วตนเองไม่ค่อยได้คุยกับสามี ส่วนใหญ่ลูกสาวจะเป็นคนโทรศัพท์คุยกับพ่อเป็นประจำ
ซึ่งตำรวจมีการพูดคุยกับ นางรัตติกาล นกงาม นานเกือบ 1 ชม. ก่อนที่จะเชิญตัวไปสอบปากคำต่อในห้องสืบสวน ระหว่างที่กำลังพาออกจากห้อง ผู้สื่อข่าวพยายามถามข้อมูลเพิ่มเติม กับ นางสาวรัตติกาล แต่เจ้าตัวไม่ยอมตอบคำถามใดๆ
กระทั่ง เวลา 19.00 น. ( 5 มี.ค.68 ) ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ และ ชุดสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี ได้ร่วมกันสอบปากคำ นางรัตติกาล นกงาม อายุ 46 ปี ภรรยาของผู้ตาย ใช้เกือบ 10 ชั่วโมง ซึ่งจากการสอบปากคำ ตำรวจพบข้อพิรุธหลายอย่าง เนื่องจากคำให้การของ นางรัตติกาล ไม่สอดคล้องกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทางตำรวจได้มา ทั้งวัน เวลา สถานที่ และไทม์ไลน์ของผู้ตาย ไม่ตรงกับคำให้การของ นางรัตติกาล และจากการกดดันอย่างหนักของตำรวจ สุดท้าย นางรัตติกาล ยอมรับว่า ได้ร่วมมือกับ นายวรยุทธ์ กลีบบัว หรือ ต้น อายุ 30 ปี ( ลูกชายคนโต กับสามีคนแรก ) ลงมือก่อเหตุฆ่านายวัชระ นกงาม อายุ 52 ปี หรือ "ตาเบื๊อก" สามีตัวเอง และ มีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงของลูกชายคนโต
โดยวันที่ 28 ก.พ.2568 นายวรยุทธ์ กลีบบัว หรือ "ต้น" ได้ขับรถกระบะแคป โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ราชบุรี จากอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ไปรับน้องสาวคนเล็ก ออกโรงพยาบาลมาบตาพุต จากนั้นก็พากลับมาบ้านพัก ในพื้นที่ อ.นิคมพัฒนา จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. สามี ได้ขี่รถจักรยานยนต์ซื้อขนมมาฝากลูกสาว ก่อนจะเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้านพัก ในอำเภอบ้านฉาง
จากนั้น ช่วงเวลาประมาณตี 4 ของวันที่ 1 มีนาคม 2568 ตนเองกับลูกชาย ได้ขับรถกระบะแคปไปรับสามี ที่บ้านใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยอ้างว่าลูกชายคนโต หรือ นายต้น จะพาสามีไปทำงานด้วย ที่สวนใน อ.แก่งหางแมว จ.ระยอง โดยตอนที่ขับรถออกมาจากออกจากบ้านพัก ในอำเภอนิคมพัฒนา ลูกชายเป็นคนขับส่วนตนเองนั่งด้านข้าง พอมาถึงบ้านของสามี ก็มีการสับเปลี่ยน โดยตนเองเป็นคนขับ ส่วนลูกชายเข้าไปนั่งในแคปเบาะด้านหลัง จากนั้นสามีก็ขึ้นมานั่งเบาะหน้าด้านข้างคนขับ ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางจังหวัดจันทบุรี โดยใช้เส้นทางสุขุมวิท ข้ามมายังถนนสาย 36 ( กระทิงลาย (พัทยา) - ระยอง ) ก่อนจะเลี้ยวขวามุ่งหน้า ไปยังจังหวัดจันทบุรี
พอมาบริเวณโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่งใกล้กับแยกบ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง นายต้น ลูกชาย ที่นั่งที่บริเวณเบาะด้านหลัง ( นั่งแคป ) ได้ลงมือใช้สายยางรัดคอพ่อเลี้ยง จนเสียชีวิต จากนั้นตนเองกับลูกชายทำอะไรไม่ถูก ก็พากันขับรถวนอยู่ในเขตอำเภอบ้านฉางและมาบตาพุด จนถึง 9 โมงเช้าของ วันที่ 1 มี.ค.2568 ตนกับลูกชายจึงตัดสินใจขับรถกลับไปที่บ้านในพื้นที่อำเภอนิคมพัฒนา จ.ระยอง โดยมีการอุ้มร่างสามีไปนอนในเบาะหลังแคป แล้วนำผ้าห่มมาคุมรถ จากนั้นตนเองกับลูกชายก็เข้าไปในบ้านและใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเกือบจะเที่ยงคืน ของวันที่ 1 มี.ค.2568 ตอนนี้กับลูกชายจึงตัดสินใจนำศพสามีมาทิ้งบริเวณจุดที่ทิ้งศพ โดยถอยรถลงไปบริเวณดังกล่าว แล้วลากศพสามีไปนอนทิ้งไว้ และหากระสอบมาคลุมร่าง จากนั้นลูกชายก็กลับไปที่จังหวัดจันทบุรี ส่วนตนเองก็กลับมาใช้ชีวิตปกติที่บ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะ ที่ตำรวจพยายามสอบสวนถึงสาเหตุการลงมือในครั้งนี้ นางรัตติกาล ให้การเพียงว่า เป็นเรื่องของทรัพย์สินระหว่างตนเอง และสามี แต่ยังไม่ระบุถึงรายละเอียดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ตำรวจอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และคำให้การของ นางรัตติกาล เพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับ โดยคาดว่า น่าจะออกหมายจับได้ในช่วงเช้า ของวันนี้ 6 มี.ค.2568
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. ( 6 มี.ค. 2568 ) ศาลจังหวัดพัทยาได้อนุมัติออกหมายจับ นางรัตติกาล นกงาม หรือเปิ้ล (หรืออีกชื่อว่าเจ๊หมวย ) และ นายวรยุทธ์ กลีบบัว หรือ "ต้น" ข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และโดยไม่มีเหตุอันควรร่วมกันทำให้เสียหาย,เคลื่อนย้ายทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ กระทำการใดใดแก่ศพ"
โดยตำรวจคุมตัว นางรัตติกาล ไว้ตั้งแต่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าตัวรับสารภาพ ส่วนลูกชาย ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรีสามารถควบคุมตัวได้ที่บ้านพักในสวนทุเรียน หมู่ 13 ต.แก่งหางแมว อ.แก่งหางแมว จ.ชลบุรี พร้อมกับยึดรถยนต์กระบะแคป โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ราชบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม ที่ สภ.ห้วยใหญ่
ด้านนางสุดใจ สมศักดิ์ หรือ "แหม่ม" อายุ 54 ปี พี่สาวของผู้ตาย เดินทางมาจากจังหวัดราชบุรี มารอให้การกับพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งเปิดใจกับทีมข่าวว่า คิดไม่ผิดตั้งแต่แรก ว่าเป็นฝีมือของน้องสะใภ้ เพราะตนเองเอะใจตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นในข่าว ตอนที่ตำรวจโทรศัพท์ไปบอกเขา ทำไมน้องสะใภ้ไม่มีอาการตกใจ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ในโน๊ตกระดาษที่เจอในศพผู้ตาย ตอนนั้นยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือของน้องชายตัวเอง ที่ผ่านมา น้องชายรักลูกและเมียคนนี้มาก ยอมทำงานเหน็ดเหนื่อย ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ให้ลูกกับเมียหมด โดยครั้งหนึ่งครอบครัวและพี่น้อง ญาติๆในจังหวัดราชบุรี เคยเตือนแล้ว แต่น้องชายไม่ฟัง ยอมรับว่าเสียใจมาก และยืนยันว่าไม่ให้อภัยและขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่วิทยาการได้มาตรวจสอบรถของผู้เสียชีวิตเพื่อหาหลักฐาน