จากกรณี น.ส.เขมฤทัย อายุ 30 ปี อดีตแม่บ้านรัฐสภา ถูกแทงเสียชีวิตภายในห้องพักย่านสามเสน โดยมีผู้ต้องสงสัยก่อเหตุคือ นายสุนัย แฟนหนุ่มที่เป็นทหารกองประจำการ สังกัด ม.3 พัน.18 และไปปฏิบัติราชการสนามชายแดน จ.เชียงราย ต่อมา ศาลทหารได้มีการออกหมายจับ นายสุนัย ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว โดยจากพยานหลักฐานพบว่า ผู้ที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายคือ นายสุนัย
หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวนายสุนัย ตามหมายจับศาล และนำตัวมาที่ สภ.แม่สาย เพื่อทำการลงบันทึกจับกุมตามหมายจับ หลังจากบันทึกจับกุมจะมีการส่งมอบตัวนายสุนัย ไปดำเนินคดีที่ สน.สามเสน ตามลำดับ
10 กรกฎาคม 2567 พ.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผกก.สน.สามเสน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายสุนัย ผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธมีดแทง น.ส.เขมฤทัย แฟนสาวอดีตแม่บ้านรัฐสภาเสียชีวิต หลังจากตำรวจได้จับกุมตัวได้เมื่อคืนนี้ ว่า หลังจากได้รับตัวนายสุนัยจากตำรวจที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย แล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างเดินทางกลับตัวมาที่ สน.สามเสน คาดว่าจะถึงในช่วงค่ำวันนี้ เพราะออกเดินทางมาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
จากการซักถามปากคำ นายสุนัย เบื้องต้นให้การรับสารภาพ ว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุใช้มีดแทงนางสาวเขมฤทัย โดยอ้างว่าที่ลงมือก่อเหตุไปเป็นการบันดาลโทสะ สาเหตุจากความหึงหวง เพราะจับได้หลายครั้ง ว่าผู้ตายคุยกับชายอื่น และวันที่ก่อเหตุ ก็เห็นแชตพูดคุบกับชายอื่น ส่วนอาวุธ เป็นมีดซามูไร ผู้ต้องหาซื้อมาไว้นานแล้วและอยู่ที่ห้อง ในวันเกิดเหตุจึงได้ใช้อาวุธดังกล่าวแทงผู้ตาย 1ครั้ง และผู้ตายล้มลง โดยอาวุธก็เจอในที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอ้างว่าหลังก่อเหตุ เป็นการครบกำหนดที่เขาต้องกลับไปทำงาน เลยเก็บของแล้วกลับไปทำงานที่ จ.เชียงราย โดยได้ทำใจไว้แล้วว่าวันหนึ่งจะโดนจับ ส่วนที่ปล่อยทิ้งศพไว้ ก็ถือเป็นพฤติการณ์ในการหลบหนี เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นทหารกองประจำการ และตำรวจก็ได้ขอศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับ ดังนั้น กระบวนการสอบปากคำ เมื่อเดินทางมาถึงที่ สน.สามเสน จึงต้องมีนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ตามสิทธิของผู้ต้องหา
ส่วนจะมีข้อหาอื่นเพิ่มเติมหรือไม่นั้น จะต้องทำการสอบสวนให้แน่ชัดก่อนว่า การกระทำของผู้ต้องหาเป็นลักษณะการอำพรางศพหรือไม่ รวมถึงกรณีของทรัพย์สินผู้ตายที่ผู้ต้องหานำไปด้วย แต่จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ต้องหาและผู้ตาย เป็นสามีภรรยากัน มีการจดทะเบียนสมรสกันชัดเจน
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า หลังจาก น.ส.เขมฤทัย เสียชีวิต ผู้ต้องหาได้นำโทรศัพท์ของผู้ตายไปด้วยและใช้โทรศัพท์ของผู้ตายโอนเงินมาจ่ายค่าห้อง และบอกกับเจ้าของอพาร์ตเมนต์ว่า ผู้ตายจะไม่อยู่ไปต่างจังหวัดหลายวัน เพื่อให้คนอื่นชะล่าใจว่าไม่มีใครอยู่ห้อง รวมถึงผู้ต้องหา ยังมีการโทรศัพท์ไปหาเพื่อนของผู้ตายที่เป็นแม่บ้าน แล้วบอกกับเพื่อนว่า ผู้ตายจะไม่อยู่หลายวัน แต่ผู้ตายได้ลาออกมาจากการเป็นแม่บ้านตั้งแต่ 18 มิ.ย.แล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะเรียกพยานแวดล้อมมาสอบปากคำเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หลังจากเดินทางมาถึงที่สน.สามเสน และสอบปากคำเสร็จสิ้น คาดว่าจะมีการคุมตัวนายสุนัยไปไปฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค. 67)
น้องสาวผู้เสียชีวิต ลั่น ดำเนินคดีถึงที่สุด
ขณะเดียวกันช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.ดาริกา น้องสาวของ น.ส.เขมฤทัย เดินทางมาที่ สน.สามเสน เพื่อติดต่อทำเอกสารการเสียชีวิตก่อนจะเดินทางไปรับร่างของนางสาวเขมฤทัย พี่สาว ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.มุกดาหาร
โดย น.ส.ดาริกา เปิดเผยว่า วันนี้จะรับศพกลับไปไว้ที่ จ.มุกดาหาร ได้ตนเองแจ้งครอบครัวแล้วว่าจะรับกลับไปวันนี้ ส่วนตัวรู้จักนายสุนัย แค่ว่าเป็นแฟนพี่สาว แต่ไม่ได้รู้จักกันใกล้ชิดอะไรมาก และไม่ได้เข้าไปยุ่ง ซึ่งพี่สาวเขาไม่ได้เล่าให้ฟัง และไม่เคยมีการถูกทำร้ายร่างกาย แต่ก็มีการแสดงออกว่าหึงหวงพี่สาว และพี่สาวได้ติดต่อมาหาแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อกลางเดือน มิ.ย.ว่าจะกลับไปอยู่บ้าน หลังลาออกจากงานแล้ว แต่ตนเองยังไม่รู้และไม่ทราบเหตุว่าทำไมกลับไปอยู่บ้าน
ทั้งนี้ ตนมองว่า โหดร้ายมากที่กล้าทำแบบนี้กับพี่สาวของตนเอง และ "อยากรู้เหมือนกันว่านอกจากหึงหวงแล้วทำไมถึงทำกับพี่สาวได้ลงคอ ไม่คิดถึงตอนที่รักและอยู่ด้วยกันเลยเหรอ การที่คุณทำมันโหดร้ายกับครอบครัว ใครจะดูแลลูกของเขา 2 คน"
ส่วนคำกล่าวอ้างที่อ้างว่า ผู้เสียชีวิตมีคนอื่นนั้น ตนมองว่า ก็ไม่เป็นธรรมกับฝ่ายเรา เพราะคนตายพูดไม่ได้แล้ว ส่วนพี่สาวจะมีคนอื่นหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ เพราะปกติพี่สาวไม่เคยเล่าให้ฟัง และวันนี้อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
น้องสาวของผู้เสียชีวิต ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้แม่ก็จะดูแลหลานทั้ง 2 คน และคิดว่าคงลำบากกว่าเดิม และด้วยสุขภาพแม่ที่ไม่ได้แข็งแรงมาก และยังไม่แน่ใจว่าลูกเขาจะรู้หรือยัง เพราะลูกเขาคิดถึงแม่ อยากให้แม่กลับไปอยู่ด้วย แต่แม่ทำงานหาเงินเลยไม่ได้กลับไปบ่อย